การเคลือบเซรามิกมีกี่แบบ แต่ละแบบมีคุณสมบัติพิเศษอบ้าง
การนำรถไปเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณ

การเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิก มีเกรดของดารเคลือบที่แตกต่างกันดังนี้
เกรดที่ 1 เคลือบเซรามิก 9H มาตรฐาน
โดยกระบวนการเคลือบ เราจะลต้องล้างรถให้สะอาดก่อน เสร็จนำไปขัดดืนน้ำมันเพื่อเอาฝุ่นละลองที่ฝังแน่นออกก่อย จากนั้นนำไปเช็ดแห้งและเป่าลมเพื่อนำไปขัดสีต่อ โดยขะขัดแบบลบรอยขนแมว และขัดชักเงา ก่อนที่ลงน้พยาเคลือบ และหลังจากที่ขีดเสร็จแล้ว ก็จะนำรถไปล้างฝุ่นอีกรอบก่อนการลงน้ำยา ซึ่งน้ำยาที่เราเลือกเป็นเทคโนยีจากเยอรมัน ให้ความแข็งระดับ 9H ซึ่งมีความทนทานสูงนานหลายปี โดยจะทำการทาน้ำยา แล้วพ่นซ้ำอีกหนึ่งรอบ ซึ่งวิธีการทาและพ่น จะได้ความทั่วถึงและสม่-เสมอ เข้าตามหลืบตามซอกของรถได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะดีกว่าการทาอย่างเดียว
หลังจากพ่นเครื่องเซรามิคเรียบร้อยก็จะใช้เครื่อง DA ลมมาบดอัดน้ำยาที่พ่นลงไป เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ หลังจากนั้นจะเช็ดอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเงางาม จากนั้นจึงนำรถไปอบ อินฟาเรดด้วยอุณหภูมิประมาณ 55-60 องศา เพื่อเพิมการยึดเกาะและให้น้ำยาแห้งสนิท เผื่อเวลาที่ขับออกไปจากร้านแล้วโดนฝน หรือล้างรถก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดผลเสียใดๆตามมา
ประโยชน์ของการเคลือบแบบนี้ ทำให้ล้างรถได้ง่าย เมื่อโดนฝนฝนก็แทบไม่เกาะตัวรถเลย และคุณตก็ไม่ต้องกังวลว่าปสงแดดจะทำให้รถซีดหมองอีกต่อไป สามารถลดรอยขนแมว แรงเกี่ยวที่ไม่รุนแรงมากนักได้ด้วย

เกรดที่ 2 การเคลือบเซรามิค 9H Plus higt Gloss
ตัวนี้รถของคุณจะมีความเงางามเป้นพืเศษ เพราะจะมีการขัดผิวส้มก่อนลงน้ำยา ซึ่งขั้นตอบพื้นฐาน ช่างก็จะทำตามขั้นตอนพื้นฐานเหมือนอย่างเกรดแรกเช่นกัน เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีขัด จากการขัดปรับสภาพสีทั่วไปเป็นการขัดแบบปรับผิวส้ม ซึ่งรถจากโรงงานทุกคันจะมีผิวส้มคลื่นๆมาจากโรงงานอยู่แล้ว หากเราไม่เอาออก แล้วเคลือบเซรามิกไปเลย ความเงางามก็จะลดลง และคุณไม่ต้องกังวล เพราะช่างจะใช้เครื่องวัดความหนาของสีรถก่อน เมื่อขัดเสร็จสีรถจะบางลงแต่เล็กน้อย คือยังเหลือความหนาที่ 198 ไมครอน หลังจากขัดผิวส้มแล้วจะมีการลงน้ำยาให้ตัวรถอีก 3 ชั้น เป้ฯการทา 2 ครั้ง และพ่นท็อปโค้ดอีก 1 ชั้น คุณจะได้ความหนามากกว่าที่ได้มาจากโรงงานคือจะมีความหนาถึง 222 ไมครอน นอกจากนี้คุณยังได้อายุการเคลือบถึง 7 ปี เพราะมีการปกป้องเคลือบเซรามิกแบบไม่ธรรมดา และถ้าคุณคาดหวังความเงางาม การเคลือบเกรดนี้จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณเจ็มร้อย
เกรดที่ 3 เคลือบเรซิน พร้อมภายในพรีเมี่ยม
เริ่มต้นก็จะนำรถไปทำทุกอย่างตามพื้นฐานเหมือนกับเกรดหนึ่งและเกรดสอง และจะมีการปรับขัดผิวส้มใก้ด้วยที่สำคัญจะไม่ได้ใช้น้ำมันเคลือบเซรามิกแบบทั่วไป แต่จะใช้น้ำยาเคลือบเรซิน ซึ่งเป้นน้ำยาตัวใหม่ของเยอรมัน ซึ่งน้ำยาตัวนี้จะมีความพิเศษในการรักษาขนแมวได้ด้วยตนเองเมื่อโดนความร้อนทุกชนิด รวมทั้งแสงแดดจัดๆ มันจะคล้ายกับการติดฟิลม์ใสกันรอยสะเก็ดหินนั่นเอง เพียงแต่ว่ามันไม่สามารถกันรอยสะเก็ดหินแรงๆได้ ถ้ามีรอยขูดขีดแรงๆ ต้องเข้าร้านให้ขัด และเติมน้ำยาเรซิ่นเพิ่มเข้าไป โดยในการคลือบน้ำยาเรซินให้กับรถของคุณจะทำทั้งหมด 5 รอบ ใช้การทา 4 รอบ และ พ่นท็อปโด้ดอีกหนึ่งรอบ

นอกจากนั้นเกรดที่ 3 นี้ ยังบริการพ่นห้องโดยสารแบบพรีเมี่ยมด้วย ซึ่งการเคลือบพรีเมี่ยมภายในจะทำให้วัสดุที่เป็นหนัง คอนโซน เงาขึ้น และง่ายต่อความทำสะอาดโดยเฉาะครบครีมต่างๆของสาวๆ ใช้น้ำเปล่าเช็ดก็หลุดออกง่ายดาย สำหรับอายุการใช้งานมีอายุมากกว่า 10 ปีจากการเคลือบเพียงครั้งเดียวใครที่มีงบประมาณเพียงพอก็จัดเกรดนี้เลย เพราะดีที่สุดในประเทศไทยแล้ว
หลังจากอ่านจบแล้ว คุณก็พอจะเลือกได้แล้วใช่ไหมว่า ว่าเราเหมาะสมกับการเลือกเกรดไหน หากมีงบประมาณน้อยก็เลือกเกรด 1 รถคุณก็ยังได้รับการปกปอ้ง แต่ถ้าคุณมีงบประมาณปานกลาง คุณก็เลือกเกรดสองที่ได้ทั้งการปกป้องและความเงามงามที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าคุณมีงบประมาณมากก็เลือกเกรด 3 ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุดได้เลย
ตัดสินใจดูก่อนจะพารถสุดที่รักของคุณไปเคลือบนะ
ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook