เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาหลังจากที่ จอดรถตากแดด เป็นเวลานาน นั่นก็คือ อุณหภูมิภายในรถที่ร้อนระอุ เรียกได้ว่าร้อนจนเกือบกลายเป็นไก่อบกันเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากจะมาแชร์เทคนิคการไล่ความร้อนออกจากรถหลังจากที่จอดรถบ่มแดดไว้นาน ซึ่งจะมีวิธีไหนทำให้รถเย็นขึ้นได้บ้างนั้น ตามมาอ่านไปพร้อมกันเลย

วิธีไล่ความร้อนจากรถเมื่อ จอดรถตากแดด นาน
1. เริ่มไล่ความร้อนกันด้วยการเปิดหน้าต่างของรถด้านหนึ่งก่อน แล้วก็ทำการเปิดปิดประตูฝั่งตรงข้ามสักประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการไล่ความร้อนออกจากตัวรถได้เร็วยิ่งขึ้น
2. ต่อมาให้สตาร์ทรถแล้วก็เปิดกระจกทั้ง 4 ด้านให้สุด และทำการเปิดพัดลมแอร์ไปที่ระดับสูงที่สุดโดยที่ไม่ต้องเปิดน้ำยาแอร์ จากนั้นก็ปรับหน้ากากแอร์ให้หันไปที่ด้านบนสุดโดยให้เปิดเอาไว้ประมาณ 30 วินาที เพื่อไล่และลดความร้อนบริเวณหลังคารถหลังจากที่ จอดรถตากแดดนาน ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นส่วนที่ได้รับความร้อนมากที่สุดนั่นเอง
3. สำหรับการยกก้านปัดน้ำฝน อีกหนึ่งประเด็นที่ถกเถียงกันมาเสมอ ว่าถ้าต้อง จอดรถตากแดด เป็นเวลานานๆ ก็ควรจะต้องยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการถนอมยางที่ปัดน้ำฝนนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นแค่ความเชื่อที่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ว่าจะเป็นการช่วยถนอมชิ้นส่วนของรถยนต์จริงหรือไม่ แต่หากใครสะดวกยกและไม่ได้ยากลำบากอะไรก็อย่าลืมทำนะเพื่อความสบายใจ แต่อย่าลืมหากระดาษแข็งๆ มาพับเป็นก้อนหนาๆ แล้วนำมาหนุนตรงก้านปัดน้ำฝนกับตัวกระจกหน้ารถด้วย พอถึงเวลาที่จะใช้รถก็อย่าลืมเอาออกด้วยล่ะ

4. มาถึงวิธีสุดท้ายสำหรับการป้องกันรถร้อนเนื่องจาก จอดรถตากแดด เป็นเวลานาน ดังนั้นแล้วก่อนที่จะลงจากรถ ก็ควรหาม่านบังแดดหรืออะไรก็ได้ที่สามารถบังแดดได้มาบังไว้ที่บริเวณกระจกหน้ารถ อย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดในช่วงนี้ได้เล็กน้อยก็ยังดี
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 วิธีไล่ความร้อนออกจากตัวรถ เมื่อ จอดรถตากแดด เป็นเวลานานที่เราได้นำมาแชร์กันในวันนี้ บอกเลยว่าเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทำแล้วได้ผลจริงๆ โดยวิธีเหล่านี้เป็นการไล่ความร้อนได้ดีพร้อมทั้งยังสามารถลดอุณหภูมิภายในตัวรถลงอย่างเห็นได้ชัดเลย ดังนั้นหากใครสนใจก็อย่าลืมนำไปลองทำกันดูนะจะได้ไม่ต้องทนร้อนเป็นไก่อบโอ่งอีกต่อไป
รูปภาพประกอบ : car.kapook.com
รูปภาพประกอบ : carvariety.com
รูปภาพประกอบ : sanook.com
ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook