แมวตกใส่รถ สามารถเคลมประกันได้หรือไม่

แมวตกใส่รถ สามารถเคลมประกันได้หรือไม่

จากข่าวแมวอ้วนตกใส่รถ จากตึก 6 ชั้นที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ จนทำให้กระจกรถยนต์ที่จอดอยู่นั้นแตกทะลุเป็นเสี่ยงๆ แต่เจ้าเหมียวไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แถมทำหน้านิ่งๆ อ้วนๆ เหมือนเดิม ทำให้ทาสหลายคนอดเอ็นดูไม่ได้ และจากกรณีนี้หลายคนก็มีการตั้งคำถามกันว่าถ้าเกิด แมวตกใส่รถ หรือหมามาทำให้รถเป็นรอยเสียหาย ทางด้านประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนี้กัน หากพร้อมแล้วก็ตามมาอ่านต่อกันเลย

อุบัติเหตุจากสัตว์ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่

ในทางกฎหมายนั้นเราจะเรียกอุบัติเหตุบนรถยนต์ที่เกิดจากสัตว์ว่า บาดแผลจากสัตว์ อย่างเช่น กรณีในข่าวที่ แมวตกใส่รถ ทะลุกระจก หรือรถบุบจากการกระโดด รอยข่วนบนสีรถและล้อรถ เป็นต้น แล้วประกันรถยนต์ที่ทำไว้สามารถคุ้มครองได้ไหม คำตอบคือได้ แต่เฉพาะประกันชั้น 1 เท่านั้น โดยถ้ามีคู่กรณี หรือหาเจ้าของเจอ ก็สามารถเคลมเป็นอุบัติเหตุได้ โดยบริษัทประกันจะทำการเรียกเก็บเงินจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงเอง

แต่ในกรณีที่ไม่สามารถตามหาเจ้าสัตว์ได้ หรือพบว่าเป็นสัตว์ขาจร เจ้าของกรมธรรม์ก็จะต้องเป็นคนจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ซึ่งอยู่ที่ราคา 1,000 บาท จากนั้นก็นำรถไปเคลมเข้าซ่อมกับอู่ในเครือ ที่สำคัญเลยคืออย่าลืมถ่ายรูปต่างๆ ไว้เป็นหลักฐานหลังเกิดเหตุใหม่ๆ ด้วย รวมถึงบันทึกวันที่และเวลาให้ชัดเจน แล้วรีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่ประกันโดยเร็วที่สุด

แมวตกใส่รถ ที่ไม่มีประกัน จะต้องทำอย่างไร

อันดับแรกเลยคือต้องหาต้นตอของปัญหาก่อน ซึ่งก็คือ แมวหรือหมาที่ทำความเสียหายแก่รถ แล้วจึงไปหาเจ้าของสัตว์ตัวนั้นๆ เพื่อให้แสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 แล้วนั้น เจ้าของไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงออกไปอยู่ในพื้นที่สาธารณะโดยที่ไม่มีการควบคุมใดๆ แบบนี้ก็คือมีความผิดเต็มๆ ซึ่งถ้าเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มีการรับผิดชอบ ก็ต้องหาหลักฐานต่างๆ เพื่อไปสู้กันต่อหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมายต่อไป

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยกับประเด็นเรื่องของ แมวตกใส่รถ ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ และยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจใครหลายๆ คน วันนี้ก็คงจะคลายหายสงสัยกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว เชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นทาสหมาทาสแมว พอเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้ากับตัวเองจริงๆ ก็ไปต่อไม่ถูกเหมือนกันหมด ดังนั้นสิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือตั้งสติให้ได้ก่อน แล้วจึงทำตามคำแนะนำของเราข้างต้น เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะ

รูปภาพประกอบ : masii.co.th

รูปภาพประกอบ : directasia.co.th

รูปภาพประกอบ : auto.mthai.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

การเลือกกล้องมองหลัง…ให้ดูจากอะไรก่อน

การเลือกกล้องมองหลัง…ให้ดูจากอะไรก่อน

               การขับรถยนต์ในปัจจุบัน ใช้แค่ความชำนาญอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องฝึกการขับรถยนต์ที่แข็งมาก หากไม่แข็งก็เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะขับรถแบบไหนก็ตาม แต่ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทการขับรถนั้น จะพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มการติดอุปกรณ์เสริมอย่างกล้องมองหลัง หากจะพูดถึงกล้องมองหลัง (Reer Camera) เป็นอุปกรณ์แต่งรถที่เหมือนจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ แต่กลับเป็นอุปกรณ์ช่วยเรื่องความปลอดภัยขณะขับขี่ยานยนต์ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ จะเห็นได้จากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือรถยนต์มือสองรุ่นปีล่าสุดจะเพิ่มการติดกล้องมองหลังบ้าง ทั้งติดตั้งเอง และตั้งมาตั้งแต่เดิมจากโรงงานผลิต

               เหตุที่กล้องมองหลัง อุปกรณ์แต่งรถที่กลายเป็นเรื่องจำเป็นต่อการขับขี่ แต่ใครจะคิดว่ากล้องมองหลังกลับได้ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่สามารถมองสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าที่อยู่ในจุดบอดได้ดี เช่น เด็กข้ามถนน สิ่งกีดขวาง สัตว์เลี้ยง หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ เข้ามาเลนทางเดินรถยนต์ หลุมบ่อ เสาเตี้ยๆ หรือทางขรุขระเหมือนลูกระนาด ที่มองกระจกหลังโดยตรงแล้วมองไม่เห็น ในขณะเดียวกันยิ่งรถยนต์เป็นแบบรถยกสูง เช่น กระบะ รถยนต์แบบครอสโอเวอร์ (Crossover Vehicle) หรือรถยนต์แบบอเนกประสงค์ หรือเอสยูวี (SUV) ยิ่งจำเป็นมากเลยล่ะ

เพราะตัวรถมีขนาดใหญ่ จะต้องระมัดระวังการขับขี่เป็นพิเศษ จึงต้องอาศัยกล้องมองหลังติดรถยนต์เข้าช่วย หากไม่มีกล้องมองหน้าเลย ควรติดกล้องมองหน้าเข้าช่วย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ติดรถยนต์ทั่วไป ทั้งช่องทางหน้าร้าน และออนไลน์ ซึ่งหากต้องการในราคาแบบเบ็ดเสร็จพร้อมติดตั้งจะตกอยู่ที่ 3,000-5,000 บาทโดยประมาณ ทั้งนี้อยู่ที่ว่าจะติดยี่ห้อไหน ยี่ห้อกล้องติดรถยนต์ที่แนะนำก็มี Kenwood, Pioneer, Aston ส่วนหากรถยนต์ที่มี Option ตรงนี้อยู่แล้ว ควรเพิ่มแค่ติดเซ็นเซอร์มองหลังเพื่อกะระยะในการถอยหลังจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกล้องมองหลังเลย

               ส่วนมากที่ต้องการซื้อจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากการมองรถจะต้องเน้นที่ความสะดวกของตนเอง เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในภายหลัง แต่ทั้งนี้ต้องติดตั้งให้เหมาะสมกับรุ่นรถยนต์ของตนเองที่ขับมาเป็นหลัก และต้องเป็นรุ่นที่เหมาะสมจริงๆ กับค่ายรถยนต์ของตนเองที่ขับในการติดตั้งควบคู่ด้วย จะติดตั้งสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ จะกลายเป็นว่าติดตั้งกล้องมองหลังแล้วกลับใช้ไม่ได้ผลเอาเสียเลย นอกจากนี้การติดตั้งกล้องมองหลังรถยนต์จะเป็นเรื่องที่สมควรติดสำหรับคนออกรถยนต์คันใหม่ และมันจะไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองอีกต่อไป

ดิดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

          วันนี้เราจะมาสรุปรายการอุปกรณีฉุกเฉิน 10 อย่างที่ต้องมีติดรถยนต์ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในวันที่ต้องเดินทางไกลกัน

          1.น้ำสะอาด เหตุผลที่ต้องมีน้ำสะอาด เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่ารถเรา จะไปจอดเสีย หรือความร้อนขึ้นที่ไหน ดังนั้นเราควรมีน้ำสะอาดเตรียมไว้ อย่างน้อยๆสัก 2 ลิตร ดังนั้นอย่าชะล่าใจว่า หาซื้อที่ไหนก็ได้ ใครที่เคยเจอประสบการณ์ที่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวจะเข้าใจและเห็นด้วยที่สุด

          2.ถุงมือผ้า หนาๆ จำเป็นมากในกรณีที่รถมีปัญหา แล้วคุณต้องเปิดฝากระโปรงรถ หรือเปิดฝาเติมน้ำเพื่อเติมลดความร้อนของรถ หรือไปโดนส่วนไหนของห้องเครื่องที่ร้อนมาก จนทำให้มือเราบาดเจ็บ ถุงมือผ้าจึงสมควรมีไว้ยามฉุกเฉิน

          3.ตัวรัดพลาสติก ตัวรัดพลาสติก หรือที่เราเรียกว่า Cable Tie บอกเลยว่าเวลาที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันช่วยได้มาก ไม่ว่าอะไรหลุดอะไรรั่ว มันช่วยได้อย่างดี โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับเทปพันสายไฟ ที่จะช่วยให้น้ำ หรือน้ำมันที่รั่วเบาลง เพื่อจะมีเวลาเดินทางไปถึงอู่ซ่อมได้

          4.ชุดเครื่องมือช่างเบื้องต้น ถึงคุณจะซ่อมไม่เป็นแต่เผื่อว่ามีคนมาช่วยคุณเขาก็ต้องการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาที่มีน้ำใจ และพอจะมีความรู้เรื่องช่างเขาก็จะช่วยคุณได้อย่างดี ถ้าคุณมีอุปกรณ์พื้นฐานเตรียมพร้อมไว้

          5.ไฟฉาย เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถติดตัวไว้เป็นพื้นฐาน เพราะจะช่วยเราได้มากโดยเฉพาะในการที่เกิดปัญหายามค่ำคืน  เพราะความสว่างย่อมดีกว่าความมืด แม้จะเป็นการส่องดูเครื่องยนต์เพื่อซ่อม หรือการส่องสว่างสำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว บางคนบอกว่า ไฟฉายมือถือก็ใช้ได้ แต่ความเป็นจริงแล้วไฟฉายที่เป็นไฟฉายจริงๆจะให้ความสว่างกว่า และนายามฉุกเฉินคุณก็ควรจะประหยัดแบตเตอรี่ของมือถือไว้ติดต่อสื่อสารจะดีกว่า และการถือไฟฉายจะทำให้รถคันอื่นมองเห็นว่ารถเราเสียอยู่ ทำให้รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ ลดการเกิดอุบัติเหตุเพราะมองไม่เห็นได้ด้วย

          6.สายพ่วงแบตเตอรี่ จำเป็นมากๆ โดยเฉพาะรถที่เป็นเกียร์ AUTO ซึ่งมันลากไม่ได้ เข็นกระตุกเพื่อให้เครื่องติดก็ทำไม่ได้ และคุณก็ไม่รู้ว่าแบตเตอรี่คุณมันจะมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีมีคนผ่านมาช่วยเหลือ แต่เขาไม่มีสายพ่วง เขาก็จะช่วยคุณไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด

          7.แม่แรง แบบสะพาน ประแจขันน็อตล้อ 3 อย่างนี้ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ควรมีติดรถไว้ เพราะเราไม่รู้ว่ายางจะรั่วตอนไหน จะแตกตอนไหน ถึงจะเป็นยางใหม่ก็อย่าไว้ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหา

          8.ยางอะไหล่ รถคันไหนไม่มีติดมาให้ แนะนำให้ขอเป็นของแถมตอนไปซื้อรถ รวมถึงชุดแม่แรงด้วย ถึงเปลี่ยนเองไม่ได้อย่างน้อยคนอื่นก็ยังช่วยคุณได้ อันนี้สำคัญจริงๆนะ อย่าได้วางใจพวกสเปรย์ปะยางทั้งหลายมากเกินไป

          9.สายลากรถ  สายลากรถก็เป็นอีกรายการที่สำคัญ โดยเฉพาะกับรถเกียร์ประปุก หรือเกียร์ธรรมดา ส่วนรถออโต้ ที่ลากไม่ได้ก็ควรจะมีเบอร์ฉุกเฉินของรถยกติดไว้ เพราะไม่สามารถลากได้

          10.เครื่องหมายสะท้อนแสง เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปลอดภัย สำหรับรถที่จอดเสีย ควรมีป้ายวางเตือนให้รถที่วิ่งผ่านมาข้างทางได้มองเห็น เพื่อจะได้ไม่เกิดการเฉี่ยวชน จนเกิดความเสียหาย

          และทั้งหมด 10 รายการที่คุณควรจะมีติดรถไว้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินทางไกลก็ควรมีติดไว้ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

IRC ผลิตยางรถยนต์ของไทย กับกลยุทธ์ทางการตลาดดีเยี่ยม

IRC ผลิตยางรถยนต์ของไทย กับกลยุทธ์ทางการตลาดดีเยี่ยม

                ถ้าพูดถึงยางรถยนต์นั้น เราจะนึกถึง Bridgestone, Michelin, Dunlop หรือยางรถค่ายอื่นๆ ที่ขายกันมากในประเทศไทย เนื่องจากเป็นอีกประเทศที่มีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่ารถสาธารณะ หากออกในจังหวัดที่เส้นทางหฤโหด จะต้องมีการเปลี่ยนยางเพื่อพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะต้องมีดอกยางเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน และเพื่อสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีแบรนด์ IRC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย โดยร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น จะเห็นได้จากบริษัทนี้ขายยางรถยนต์ให้กับค่ายรถยนต์ดังๆ มากมาย เช่น Toyota, Honda, Nissan, Mitsubishi, Mazda, Ford หรือค่ายรถยนต์อื่นๆ ที่ขายในประเทศไทยอีกด้วย

                เนื่องด้วยเป็นแบรนด์ด้านยางอีลาสโตเมอร์ และยางล้อใช้กับรถทุกชนิด ให้ความสำคัญด้านคุณภาพของการใช้งานเป็นหลัก กลยุทธ์ทางการตลาดของ IRC เป็นที่น่าสนใจพอสมควร นอกจากจะขายดีมากในกลุ่มยางรถยนต์ด้วยกันนั้น  ของ IRC เป็นบริษัทยางที่ทำรายได้สูงสุดแซงหน้ามากในไทย โดยให้น้ำหนักไปทางเป็นมิตรเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก จะสังเกตได้จากค่ายรถยนต์หลายค่ายเริ่มตระหนักในเรื่องเครื่องยนต์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เน้นการทำอะไรก็ตามให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน  ปลอดภัย และตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยความใส่ใจคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางทุกชนิด ให้เป็นมาตรฐานระดับสากล ถ้าเราจะพัฒนายางให้ตอบโจทย์ด้านนี้ ทำไมเราจะทำไม่ได้    

                ต่อมาก็เป็นต้นทุนการผลิตที่ต่อรองง่ายกว่าแบรนด์อื่น เนื่องจากมีอัตราการต่อรองที่ดีกว่า ทำให้หลายคนกล้าซื้อ  เปรียบเทียบการจัดส่งจนเห็นภาพชัดเจนในตัวลูกค้า เพื่อสร้างความน่าพึงพอใจในลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่คุ้มค่า พนักงานมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา การบริการที่ดี และความสามารถในการโน้มน้าวใจนักลงทุนให้มาถือหุ้น นอกจากนี้ธรรมาภิบาลของ IRC ช่วยเสริมสร้างการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบของบริษัท และรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวมอีกด้วย

                ปิดท้ายตรงที่มีการตอบโจทย์ด้าน Online Marketing จะเห็นได้จากช่องทาง E-Commerce อย่าง Lazada และ Shopee เริ่มมียาง IRC เข้ามาขายมากขึ้น ทั้งในยางรถยนต์ ยางรถมอเตอร์ไซค์ ยางรถบรรทุก หรือยางรถชนิดอื่นๆ เพื่อการเข้าถึงและง่ายต่อส่วนแบ่งตลาดที่ดีขึ้น ซึ่งจะต่างจากค่ายอื่นตรงที่มีบ้างในช่องทางนี้ แต่จะขายในหน้าร้านโดยตรง และทำแบบเว็บไซต์มากกว่า สิ่งเหล่านี้เอง IRC จึงขยายฐานมาที่ช่องทางนี้นอกจากในบริษัทโดยตรง จะเห็นได้ว่าค่ายรถยนต์หลายค่ายหันมาทางยาง IRC มากขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเลือกยางของ IRC มาใช้เลย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

ขึ้นชื่อว่า รถยนต์มือสอง แปลว่าได้ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์มือสองในช่วงนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องดูจากอะไรหรือเช็คตรงไหนบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง เพื่อให้แน่ใจและป้องกันความผิดพลาดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะมีวิธีการดูอย่างไรบ้างนั้น ตามเรามาเช็คกันเลย

1. เช็คสภาพภายนอก

สภาพภายนอกตัวรถเป็นจุดที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ควรเริ่มจากตรวจสอบริ้วรอยหรือรอยบุบต่างๆ และสังเกตความสม่ำเสมอของสี นอกจากนี้ก็ควรเปิดฝากระโปรงรถทั้งหน้าและหลัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของตัวถังว่ายังมีสภาพสมบูรณ์หรือไม่

2. เช็คสภาพภายใน

ต่อมาตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ เช่น ระบบการแสดงผล, ระบบไฟต่างๆ, วิทยุ, เซ็นทรัลล็อก, กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่

3. เช็คเลขไมล์

ส่วนใหญ่ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองมักจะชอบดูที่เลขไมล์น้อยๆ เพราะแปลว่ารถยนต์คันนั้นได้มีการใช้งานมาได้ไม่นาน แต่ก็ต้องดูรุ่นรถและปีที่ออกรถด้วยว่าสอดคล้องกันหรือไม่

4. เช็คเครื่องยนต์

จุดนี้จะต้องมีความละเอียดมากกว่าจุดอื่นๆ เริ่มจากลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่าปกติหรือไม่ รอบเดินมีอาการสั่นหรือไม่ แต่ถ้าให้ชัวร์ควรหาช่างชำนาญการมาเป็นผู้ช่วยดูและตรวจสอบให้อีกครั้ง

5. เช็คช่วงล่าง

ส่วนใหญ่ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ในช่วงล่างนั้นจะต้องมีการยกตัวรถขึ้น ดังนั้นหากจะใช้วิธีนี้ในการดูด้วยตนเองคงไม่สะดวก จึงควรสอบถามทางผู้ขายถึงสภาพของรถ ก่อนที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คอีกครั้งหลังการซื้อขาย

6. เช็คประวัติการซ่อม

เราสามารถเช็คได้โดยการนำหมายเลขทะเบียนรถ หรือหมายเลขตัวถังไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ ก็สามารถรู้ได้ว่ารถเข้าเช็คระยะตามกำหนดหรือไม่ และมีการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใดไปบ้าง

7. ทดลองขับ

วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ที่ดีที่สุดก็คือ การทดลองขับ เพราะจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆ ในขณะขับว่ารถยนต์ยังอยู่ดีมีสภาพการใช้งานที่ปกติดีหรือไม่

8. เช็คเอกสารประจำตัวรถยนต์

ที่ห้ามลืมเลยก็คือ เอกสารประจำตัวรถยนต์หรือเล่มทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์คันที่นั้นได้ถูกครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ เช็คเลขตัวถังรถว่าตรงกับสมุดคู่มือและมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้มาก่อนแล้วบ้าง

และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากอยากให้ชัวร์ก็ควรมีช่างชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้มาช่วยตรวจสอบก็จะละเอียดขึ้น เพื่อความรอบคอบและป้องกันความผิดพลาดในภายหลังนั่นเอง

รูปภาพประกอบ : chobrod.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ทำทะเบียนรถยนต์ของตนเอง…จะเรียกสีรถยนต์ยังไงนะ

ทำทะเบียนรถยนต์ของตนเอง…จะเรียกสีรถยนต์ยังไงนะ

                การดำเนินการเรื่องทะเบียน ถ้าเป็นกลุ่มรถยนต์ป้ายแดงจะระบุเรื่องสีออกมาชัดเจนว่าเป็นสีอะไรบ้างตั้งแต่ผลิตมาจากโรงงานให้เลือกเลย หรือวันหนึ่งอยากเปลี่ยนสีขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนสีแล้วทำเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกตามกฎหมายที่กำหนดไว้ได้เลย หากใครเคยมีทะเบียนคู่มือรถไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถชนิดอื่นๆ ที่ต้องระบุสีรถในทะเบียนคู่มือรถ เรามาสังเกตกันเถอะว่ามีสีแบบไหนบ้างที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดไว้ ว่าแบบไหนที่เขาเรียกกันในทางภาษาทะเบียนบ้าง ซึ่งจะขออธิบายไว้ดังนี้

                 ลักษณะคำเรียกของสีที่ระบุในทะเบียนคู่มือรถ ทั้งในรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถแบบอื่นๆ ว่าจะเรียกสีอะไรบ้าง ซึ่งจะเรียกกันใน 3 แบบ เพื่อป้องกันการสับสน และต้องการกำหนดให้มันชัดเจนไปเลย ซึ่งการเรียกสีรถในทะเบียนคู่มือรถเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา เรียกได้ดังนี้

  • รถสีเดียว ส่วนมากจะเป็นรถยนต์ที่สีพื้น ไม่ว่าจะเป็นสีโทนไหนก็ตาม ถ้าไม่มีสีอื่นผสมด้วย เช่น ถ้าหากเป็น Pearl White (สีขาวมุก) จะระบุเป็นสีขาวมุกไปเลย เพราะไม่มีสีอื่นผสมมาเลย หรือถ้าไปพ่นสีรถยนต์ให้เป็นอีกสีหนึ่งก็ให้ระบุสีใหม่ที่เปลี่ยนด้วย เช่น เปลี่ยนจากสีเทาลูนาร์ เป็นสีน้ำเงินคอสมิค ก็ให้ระบุเป็นสีน้ำเงินคอสมิคตามสีใหม่ที่เปลี่ยนทันที
  • รถที่มีมากกว่าหนึ่งสี อาจจะเป็นสีขาวกับดำตัดกันแบบทูโทนจะเรียกว่า “สองสี” หรือสามสีเหมือนเลเยอร์ หรือสามสีแบบบัวลอย ก็ให้ระบุว่าเป็นรถ “สามสี” เพราะทางทะเบียนของขนส่งจะสับสนกลุ่มเจ้าของที่มีสีรถแบบนี้อยู่ด้วย เลยเรียกไปตามจำนวนสีรถที่ทำแทนเพื่อไม่ให้งง
  • รถหลากสี รถยนต์บางคันอาจจะเป็นเลื่อมสลับสีบ้าง ทำเป็นลวดลาย ตัวการ์ตูนที่ทำแบบสีถาวรติดกับรถบ้าง แต่จะต้องแยกว่าการทำสีของรถหลากสีมีสีหลักหรือไม่ ถ้าระบุสีหลักได้ก็จะเรียกสีหลัก แล้วตามด้วยคำว่า “หลากสี” เช่น สีขาว หลากสี แต่ถ้าหาสีหลักไม่ได้ก็ระบุว่า “หลากสี” ได้ทันที

                การทำสีรถยนต์ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรศึกษาไว้เสมอ เพื่อไม่ให้งุนงงกับกฎใหม่ที่ออกมาเพื่อสภาพรถของคุณ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำสีรถได้ แต่ตัวเองต้องไม่งงเรื่องสีที่ทำ กับต้องดำเนินการทำเรื่องเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วัน เพื่อไม่ให้ส่อไปในทางผิดกฎหมาย และระบุตัวเจ้าของรถจากลักษณะของสี เพื่อง่ายต่อการระบุเจ้าของ และในขณะเดียวกันยังใช้ได้ในยานพาหนะแทบทุกประเภทที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ในอนาคตโลกเราจะต้องเจอกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนนี้หลาย ๆ ฝ่ายและหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนเท่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ตลาดประเทศนั้นเริ่มดำเนินการก็คือการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้านั่นเอง เพราะว่าน้ำมันถือว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปและแถมยังเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ในอนาคตการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีความจำเป็นที่ต้องมีปั๊มชาร์จไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์แทนที่ปั๊มน้ำมันนั่นเองซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าการเติมน้ำมันไปในรถยนต์ที่ขับอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันนี้ ดังนั้นนอกจากความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งสถานีชาร์จให้ได้มากที่สุดแล้วยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สถานีชาร์จนั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะชาร์จไฟให้กับรถยนต์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดด้วย

ภาพจาก Pixabay

ซึ่งในตอนนี้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มมีการพัฒนาสถานีชาร์จด้วยเช่นเดียวกันตัวอย่างเช่นบริษัท Tesla ที่เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ก็พัฒนาสถานีชาร์จรุ่น “Supercharge” ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงถึง 250 KWs ซึ่งก็มีความเร็วในการชาร์จที่สูงมากแต่ว่าก็ยังไม่ใช่เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราความเร็วในการชาร์จสูงสุดนั้นเป็นของบริษัท ABB ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ABB นั้นมี นั้นมีอัตราการชาร์จไฟฟ้าสูงถึง 360 KWs ซึ่งสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มโดยใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีหรือก็คือสามารถชาร์จไฟให้รถยนต์วิ่งได้ถึง 62 ไมล์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 นาที

โดยทางบริษัท ABB ได้มีการประกาศเรื่องสถานีชาร์จเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนที่ผ่าน โดยให้ชื่อสถานีชาร์จที่มีความเร็วที่สุดในโลกมีว่า “Terra 360” โดยจะมีการเปิดในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้และจะกระจาย Terra 360 ไปทั่วทั้งโลกภายในปีหน้า

ภาพจาก Pixabay

เมื่อทั้งโลกมีความต้องการที่เหมือนกันและรถยนต์ไฟฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะเป็นยานพาหนะที่จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต ดังนั้นการผลิตสถานีชาร์จให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กับการผลิตรถยนต์เลยทีเดียวเพราะถ้าหากว่าสถานีชาร์จมีไม่เพียงพอการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็เป็นเรื่องยากด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet , การเงินธนาคาร

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

ในปัจจุบันนี้โลกของเรานั้นได้ร้อนขึ้นอยู่ในทุก ๆ ปีและคนทั่วทั้งโลกก็กำลังเริ่มที่จะตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่ต้องร่วมช่วยกันแก้ปัญหา และเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็มีความสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้ด้วยเช่นเดียวกัน ปัญหาโลกร้อนนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้ ขยะ และ อื่น ๆ และหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ก็คือรถยนต์ไฟฟ้า

Cr.Pexels

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่นั้นเริ่มที่จะมาใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนแทนน้ำมันที่เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแถมยังเป็นทรัพยากรที่เมื่อนำมาใช้แล้วยังทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทผลิตรถยนต์กำลังที่จะเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยที่เราเห็นกันแล้วก็คงจะเป็นบริษัท Tesla ของอีลอน มัสก์ ที่ได้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ใช้แล้วในปัจจุบัน และอีก 1 บริษัทที่กำลังเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คือบริษัท Volvo

Cr.Pixabay

Volvo เป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและมีผู้นิยมใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้ซึ่งทางบริษัทนั้นมีแผนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 เหลืออีกประมาณ 10 ปีข้างหน้านี้ และทาง Volvo เองก็เชื่อว่าจะตอบสนองต่อผู้บริโภคได้หลายยังเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย และเมื่อเปลี่ยนรถยนต์ใช้พลังงานน้ำมันเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว Volvo ตัดสินใจที่จะเดินลงทุนในการทำตลาดออนไลน์มากขึ้นให้เหมือนกับบริษัทเทสล่าที่ขายรถยนต์ทางออนไลน์ เมื่อบริษัทรถยนต์รายใหญ่นั้นเริ่มทำการเปลี่ยนรถยนต์จากรถยนต์ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ใช้ไฟฟ้าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันก็กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนให้ลดลงให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนแล้วยังลดต้นทุนอีกด้วยเพราะมีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นจะมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

Cr.Pixabay

เทคโนโลยียานยนต์เป็นเทคโนโลยีแรก ๆ ที่มีการผลิตเพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อนและในอนาคตที่โลกมีความก้าวล้ำไปมากกว่านี้คงมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวที่เป็นปัญหาระดับโลก

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

เมื่อพูดถึงประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกครั้งที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและทางด้านประชากรในทวีปเอเชียก็คงจะนึกถึงประเทศจีนเป็นอันดับแรก ๆ เลย ด้วยความที่เป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรเป็นจำนวนมากทำให้ประเทศจีนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาสภาวะทางด้านการจราจร โดยประเทศจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาใหญ่ของโลกอย่างปัญหาภาวะโลกร้อนทำให้ประเทศจีนนั้นเริ่มมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น

Cr.Pixabay

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV ได้ร่วมมือกับบริษัทของอเมริกาอย่าง General Motor ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศจีนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกร้อนโดยรถยนต์ไฟฟ้าของทางบริษัทดังกล่าวนั้นจะมีขนาดที่เล็กเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในประเทศจีน โดยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนี้มีราคาถูกแถมใช้สะดวกสบายอีกด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรถขนาดเล็กทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ประชากรชาวจีน โดยทำยอดขายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วไปถึง 24,000คัน  และตัวรถยนต์สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 100Km/Hr

Cr.Wikipedia

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV มีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปในต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้ประเทศจีนนั้นมีแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายที่มากแถมราคายังมีราคาที่ถูกอีกด้วยและทางรัฐบาลเองก็มีการผลักดันให้ประเทศจีนเป็นผู้นำทางด้านกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท The Hong Guang Mini EV ในประเทศจีนยังมียอดขายสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Cr.Pixabay

จากการที่มีรถยนต์ไฟฟ้าถูกผลิตอย่างมากในปัจจุบันทำให้เราสามารถบ่งบอกได้ว่าในอนาคตนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนและรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าน้ำมันอย่างมาก โดยอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำมันนั้นเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแต่ทรัพยากรไฟฟ้านั้นสามารถผลิตขึ้นได้จากช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้นในอนาคตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่นอนเลย

ข้อมูลจาก BBC และ Autodeft

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เผย 4 เคล็ดลับการยืดอายุยางรถยนต์ใช้ยางได้นาน

เผย 4 เคล็ดลับการยืดอายุยางรถยนต์ใช้ยางได้นาน

ยางรถยนต์นับได้ว่าเป็นวัตถุเพียงสิ่งเดียวบนรถของคุณที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง คุณคงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคุณต้องใส่ใจเป็นพิเศษจริงไหม ยางรถยนต์นั้นจะมีอายุการใช้งานอยู่ประมาณ 2 ปีในยุคปัจจุบัน

ในบางครั้งคุณอาจจะอยากให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ขับไปไหน เราจึงอยากจะแนะนำวิธีการยืดอายุยางรถยนต์ของคุณให้ใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิม ด้วยการดูแลเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอนในการใช้ยางรถยนต์เส้นเดิมของคุณในปัจจุบัน 

1. วิธีการป้องกันปัญหายางรถยนต์เสียหายอย่างรวดเร็ว 

นั่นก็คือคุณไม่ควรที่จะขับเร็วมากจนเกินไป และพยายามลดการเบรกกระชั้นชิด ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะทำให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยถนอมยางรถยนต์ของคุณได้อีกด้วย 

2. คุณควรหมั่นตรวจเช็คลมยางเป็นประจำ 

แรงดันในลมยาง ทำให้รถของคุณนั้นประหยัดน้ำมัน และช่วยถนอมยางรถยนต์ของคุณ เราไม่สามารถปฏิเสธได้หรอกว่าถ้าหากคุณเติมลมยางอย่างเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ของคุณได้มากยิ่งกว่าเดิม และนอกจากนี้คุณควรจะตรวจเช็คลมยางสำหรับล้อรถสำรองด้วยนะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างทันท่วงที 

3 ยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ของคุณด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 

ถ้าหากคุณต้องการให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นมีการสัมผัสกับพื้นถนนอย่างถูกต้อง ขอแนะนำให้คุณนั้นใช้วิธีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนี่แหละเป็นวิธีการที่ดีที่สุด จะมีประโยชน์หลายด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้าน 

  • ความปลอดภัยของตัวคุณ ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างมาก 
  •  
  • การบังคับทิศทางรถยนต์ได้ง่ายมากขึ้น มีประโยชน์มากสำหรับการขับรถในช่วงเวลาฝนตก 
  • ลดความเสี่ยงการสึกหรอของยางรถยนต์อย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างถูกต้อง คุณก็จะสามารถช่วยลดอันตรายต่อการขับขี่ได้เป็นอย่างมาก 

แน่นอนว่ามีประโยชน์หลายด้านขนาดนี้ อยากให้คุณดูแลยางรถยนต์โดยวิธีนี้เลย

4. ควรเลือกลายยางที่เหมาะสมกับรถของคุณ และการใช้งาน 

ข้อมูลก็ตามนั้นเลยถ้าคุณเลือกลายยางที่เหมาะสมกับรถของคุณ สามารถทำให้คุณนั้นประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการเปลี่ยนยางได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากใครใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางลึก จะสามารถช่วยทำให้คุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น มีประโยชน์ในการใช้งาน และการยึดเกาะถนนในระยะยาว 

เห็นไหมว่าการดูแลยางรถยนต์ เพื่อยืดอายุให้นานมากยิ่งขึ้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และถ้าหากคุณใช้แล้วประสบความสำเร็จ อยากให้คุณแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ให้กับคนที่คุณรู้จักด้วย จะได้ช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่ายางรถยนต์ของคุณ ถ้าคุณนำ 4 วิธีนี้ไปใช้รับรองได้เลยว่าจะต้องทำให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ขอขอบคุณภาพประกอบบทความโดย pixabay

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook