ส่องฤกษ์ออกรถ เดือนตุลาคม 2566 วันไหนมงคล วันไหนโชคปิด

ส่องฤกษ์ออกรถ เดือนตุลาคม 2566 วันไหนมงคล วันไหนโชคปิด

            ใครที่กำลังมีแพลนว่าจะถอยรถป้ายแดงคันใหม่ต้อนรับเดือนตุลาคม 2566 วันนี้เรามีฤกษ์ออกรถประจำเดือนมาแนะนำ จากหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เพราะเรื่องของการออกรถใหม่ หากเราไม่ดูฤกษ์วันในการซื้อให้ดี โอกาสความไม่มงคลก็อาจติดตัวไปกับดวงเราตลอด ดังนั้น เรามาเช็คกันดีกว่าว่าเดือนตุลาคม 2566 นี้ จะมีวันไหนที่มงคล วันไหนที่โชคปิดบ้าง

            การดูวันฤกษ์ออกรถมงคลของคนไทย นับเป็นอีกความเชื่อที่มีมานานแล้วจากรุ่นสู่รุ่น อนึ่งเพื่อความมงคลเป็นศรีแก่เจ้าของรถและความโชคดีตลอดการขับขี่ ที่ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคนไทย โดยฤกษ์วันมงคลของเดือนตุลาคม 2566 นี้จะมีวันไหนบ้าง ใครที่มีแผนจะซื้อรถเดือนนี้อยู่ สามารถลองเช็ควันมงคลได้เลยดังนี้

ฤกษ์ออกรถ เวลาดี เดือนตุลาคม 2566

• วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 06.09  – 08.39 น.

• วันอังคารที่ 10 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 13.39  – 15.09 น.

• วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 09.19  – 10.48 น.

• วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 06.01  – 09.19 น.

• วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 13.13  – 15.36 น.

ฤกษ์ออกรถ ตามวันเกิด เดือนตุลาคม 2566

            • เกิดวันจันทร์ : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันอาทิตย์

• เกิดวันอังคาร : ต้องออกรถวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันจันทร์

            • เกิดวันพุธ กลางวัน : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันอังคาร

            • เกิดวันพุธ กลางคืน : ต้องออกรถวันจันทร์ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันพฤหัสบดี

            • เกิดวันพฤหัสบดี : ต้องออกรถวันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันเสาร์

            • เกิดวันศุกร์ : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันพุธ กลางคืน

            • เกิดวันเสาร์ : ต้องออกรถวันจันทร์ / ไม่ควรออกรถวันพุธ กลางวัน

• เกิดวันอาทิตย์ : ต้องออกรถวันจันทร์ และวันพุธ / ไม่ควรออกรถวันศุกร์

และทั้งหมดนี้ก็คือฤกษ์ออกรถประจำเดือนตุลาคม 2566 ที่เราหยิบยกมานำเสนอกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมีแพลนถอยรถป้ายแดง ขอแนะนำให้ใจเย็นๆ และกำเงินของคุณไว้ให้แน่น แล้วลองเช็คดูวันฤกษ์มงคลเหล่านี้ให้ดี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

รูปภาพ

time.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ให้ดำเงาวับ ด้วยตัวเองง่ายๆ

วิธีทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ให้ดำเงาวับ ด้วยตัวเองง่ายๆ

         สาระเรื่องรถครั้งนี้ นำเอาสูตรประหยัดในการทำน้ำยาเช็คยางรถยนต์มาฝากกัน โดยสูตรนี้สามารถนำของใช้ที่มีอยู่แล้วในทุกๆบ้านมาทำกัน เพื่อนำไปเช็ดยางรถยนต์ของคุณให้ดำเงาวับจับตาดูดีอยู่เสมอ  สูตรนี้ มีส่วนผสมที่จะทำน้ำยากันอย่างไร และทำแล้วจะได้ยางรถยนต์เงาสวยงามอย่างที่คุยหรือเปล่า? เราไปลงมือทำกันดูเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพกันเลย

         ส่วนผสมและอุปกรณ์

         1.น้ำตาลทรายครึ่งแก้ว

          2.น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไรก็ได้

          3.น้ำเปล่า

          4.ขวดพลาสติกใสที่มีหัวฉีด

          5.กรรไกร

          6.ผ้าเทปกาวหนังไก่

          7.ฟองน้ำ

         วิธีทำ

         1.เทน้ำตาลครึ่งแก้วลงในขวดหัวฉีดที่เตรียมไว้ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าลงไปในขวดโดยให้ท่วมน้ำตาลขึ้นมาประมาณ 4 นิ้ว

          2.เติมน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปให้สูงกว่าน้ำขึ้นมาอีกประมาณ 4 นิ้วเช่นกัน

          3.จากนั้นเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันให้มากที่สุด สูตรนี้จะไม่มีฟองมาก ไม่เหมือนใส่น้ำโค้ก เพราะใส่น้ำตาลแทนจึงไม่มีแรงดันของน้ำอัดลม

          4ปิดฝาขวด.เขย่าจนน้ำตาลละลายหมดไม่เหลือเป็นเม็ดๆ เมื่อน้ำตาลละลายจนหมดแล้วนำหัวฉีดมาใส่ขวดน้ำยาที่ผสม เพื่อพร้อมฉีด

          5.ตัดเทปหนังไก่มาติดแบ่งครึ่งหล่อยางรถยนต์ที่จะทำการทดลอง จากนั้นนำน้ำยาที่มีหัวฉีดแล้วฉีดใส่ฟองน้ำ แล้วจึงนำไปเช็ดที่ยางรถยนต์ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทำแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฉีดน้ำยาพลาดไปถูกจานดิสเบรคที่จะทำให้เกิดเขม่า เมื่อเช็ดน้ำยาจากฟองน้ำในฝั่งที่ทดสอบจนทั่วแล้ว ทิ้งไว้สักพักให้แห้ง เพื่อดูประสิทธิภาพความดำเงาที่ซึมสู่เนื้อยางรถยนต์ ซึ่งก็จะเห็นได้ชัดเจนถ้าเปรียบเทียบกับยางรถยนต์ที่ยังไม่ได้เช็ดน้ำยา

          สูตรน้ำยาเช็ดยางรถยนต์สูตรนี้ไม่ต้องเช็ดมากก็เงาวับ เพราะเป็นสูตรเข้มข้น เช็ดแล้วจะเงาวับอยู่ได้ 2-3 วัน หรือนานกว่านั้นถ้าไม่ไปโดนน้ำฝน หรือโดนน้ำเสียก่อน ประหยัดเพราะใช้ของที่มีอยู่แล้วในบ้านเราเอง 

         เพราะรถก็เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการช่วยเสริมบุคลิกภาพภาพนอกของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเวลาที่จ้องนำรถไปใช้งานที่ต้องพบปะคนจำนวนมาก ถ้าตัวรถสะอาด แต่ยางรุยนต์ไม่เงาดำสวยงามก็เหมือนคนแต่งตัวดีแต่สวมรองเท้าไม่สวยงามฉันท์ใดฉันนั้น

         บางครั้งของที่ทำใช้ได้เองต้นทุนถูก ก็ไม่ได้ประสิทธิภาพต่ำเสมอไป ยุคนี้อะไรแระหยัดได้ประหยัด  ถูกและดีก็มีจริงในบางเรื่องจริงๆนะ ลองลงมือทำและใช้จริงกันเลย รับรองไม่ผิดหวัง

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เลือกยางให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

เลือกยางให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

 การเลือกยางเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเกิดเรื่องยางไม่เหมาะสมกับการใช้งานก็อาจจะทำให้เกิดความไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นความสบายในการนั่ง หรือการขับขี่ที่ไม่ตอบโจทย์ ทั้งยังทำให้ยางอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นลง และอาจเกิดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอีกด้วย ซึ่งยางก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ เพราะฉะนั้นก็ควรทราบถึงประเภทของยางก่อน เพื่อให้เลือกยางได้เหมาะกับรถและการใช้งาน โดยหลักถ้าแยกตามการขับขี่ก็จะมี 5 แบบ จะมีอะไรกันบ้าง มาอ่านกันต่อได้เลย

ยางแบบนุ่มเงียบ สัมผัสสบาย
            ยางแบบนุ่มเงียบ จะเหมาะกับรถยนต์ที่จะเน้นขับในเมือง โดยยางสามารถลดแรงกระแทกได้อย่างมาก ซึ่งมีการดีไซน์หน้ายางให้กระจายแรงกดทับ และเพิ่มแก้มยางให้ช่วยลดแรงกระทบได้อีกด้วย อย่างเช่น Bridgestone Turanza

ยางประหยัดน้ำมัน ประหยัดเงิน
           
ยางแบบนี้จะมีการออกแบบให้หยัดน้ำมัน เหมะกับคนที่อยากจะประหยัดเงินค่าน้ำมัน และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบความเร็วมากเท่าไร โดยตัวอย่างก็จะเป็น Dunlop Enasave EC300

ยางสปอร์ต สไตลเรียบหรู  
            โดยจะมีการพัฒนามาจากตัวยางนุ่มเงียบ ดีไซน์สปอร์ต ซึ่งจะมีความแม่นยำและสามรถขับได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะไม่นุ่มเท่ากับแบบแรก โดยจะเหมาะกับรถสปอร์ต และคนที่ชอบความเร็ว เช่นตัวยาง Yokohama Advan Sport V105

ยางออฟโรด

            ยางตัวนี้จะเป็นที่รู้จักอันอย่างดีในสายผจญภัย ด้วยความขนาดยางที่แข็งแรง ทนทาน จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการลุยป่า ลุยเขา เหมาะทั้งรถกระบะ และรถ SUV พวกฟอจูนเนอร์ ปาเจโร่ โดยตัวอย่างก็อย่างเช่น Hankook Dynapro AT-M (RF10)

ยางรันแฟลต

            โดยหลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อนี้กันเท่าไร ซึ่งยางตัวนี้เป็นที่สุดของนวัตกรรมวงการยางเลยก็ว่าได้ ด้วยการออกแบบให้ยางสามารถวิ่งได้ถึง 80 กิโลเมตร แม้ว่าเกิดการรั่วซึม ทั้งยังพร้อมกับทุกสภาพพื้นผิวทั้งร้อน ทั้งฝน สามารถพาไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ซึ่งตอนนี้จะใช้กันมากในรถ BMW ด้วยความที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ในอนาคตอาจนิยมกันมากขึ้น ตัวอย่างยางก็อย่างเช่น Michelin Primacy 3ZP Runflat

            ปัจจุบันมียางให้เราเลือกหลากหลายแบบอย่างมาก จึงควรมีการศึกษาเกี่ยวกับยางก่อนเปลี่ยนยาง เพื่อให้เหมาะกับรถ และการใช้ขับขี่ของเรา ทั้งยังเป็นการดูแลรถให้อยู่กับเราไปนานแสนนาน ลดการเปลี่ยนยางบ่อยๆ นอกจากนั้นการใช้งานให้ถูกประเภท ยังลดการเกิดภัยต่อชีวิตและสิ่งของเราด้วย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

กระบะสายถึกไฟฟ้าต้องนึกถึง… Chevrolet Silverado EV 2023

กระบะสายถึกไฟฟ้าต้องนึกถึง… Chevrolet Silverado EV 2023

ในส่วนของ Chevrolet Silverado EV ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2023 ต้องบอกก่อนว่ามันมีความคล้ายคลึงกับรถกระบะไฟฟ้าแบบคลาสสิกมากกว่า โดยมีจุดเด่นตรงที่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เช่นเดียวกับรุ่น Hummer Silverado EV ควรมีมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึงสามตัวขึ้นอยู่กับการตัดแต่ง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อน่าจะเป็นมาตรฐาน เชฟโรเลตยังไม่ได้เปิดเผยสเปกและข้อมูลเกี่ยวกับรถกระบะในรุ่นนี้มากนัก รู้แค่ว่าแค่รู้ค่าของแรงม้าเท่านั้นแหล่ะ ถึงกับพูดว่า…พระเจ้าช่วยกล้วยทอดเลยทีเดียว

               สเปกที่น่าสนใจของ Chevrolet Silverado EV เรียกได้ว่าเป็นยนตรกรรมแห่งอนาคตอย่างแท้จริง ซึ่งได้มีการสปอยเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ระบุรายละเอียดชัดเจนนัก ซึ่งในรุ่น Chevrolet Silverado EV ขายดีมากในสหรัฐอเมริกา และในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมันมีสเปกที่น่าสนใจ มีความน่าขับแบบโดนๆ ได้ดังนี้

  • ระบบส่งกำลังด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว โดยมีพิกัดแรงม้ารวมกันสูงถึง 1,000 แรงม้า ถือว่าแรงม้าเอาเรื่อง สมรรถนะสูงมากเมื่อเทียบกับรถสปอร์ตที่นิยมกันมากตามตลาดรถยนต์ สามารถปรับขนาดได้เพื่อสร้างก้อนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง
  • ความสามารถในการลากจูงและน้ำหนักบรรทุก ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก แต่จะทำมาตรฐานเพื่อยกระดับให้เท่ากับรถกระบะในค่ายเดียวกันของรุ่น Colorado ที่ออกแบบมาสำหรับลากจูงสิ่งของให้มีน้ำหนักต่อนิวตันเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน
  • การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและ MPG ในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ลดการสิ้นเปลืองหรือลดใช้พลังงานจากระบบสันดาปพลังงาน ที่จะเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่า โดยปรับให้เป็นการชาร์จต่อครั้งสามารถไปได้ไกลถึง 400 ไมล์ต่อชั่วโมง
  •  ภายใน ความสะดวกสบาย และสินค้า ยังไม่ระบุ แต่การออกแบบภายในและภายนอกไม่ต่างจากรุ่น Colorado มากนัก
  •  สาระบันเทิงและการเชื่อมต่อ แน่นอนว่าต้องเชื่อมต่อในระบบ AppleCar และ Android Auto
  • คุณลักษณะด้านความปลอดภัยและการช่วยเหลือผู้ขับขี่ ช่วยจัดระเบียบเลนในการขับขี่ไม่ให้เป๋ไปมา มีระบบเบรกฉุกเฉินแบบอัตโนมัติ และระบบดูจุดบอด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ทั้งในช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน เพื่อลดอุบัติเหตุ

               ครั้งแรกที่เราได้ยินเกี่ยวกับรถกระบะ Chevrolet ในรุ่นระบบไฟฟ้าเมื่อปีที่แล้ว และได้เห็นต้นแบบการออกแบบที่เป็นไปได้สำหรับรุ่นใหม่นี้ในเบื้องหลังการนำเสนอของ GM เมื่อไม่กี่เดือนก่อน มีแนวโน้มว่าจะมีการกำหนดค่าระบบส่งกำลังหลายแบบและขนาดแพ็คแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งรถเก๋ง รถกระบะและรถอเนกประสงค์ เพื่อให้การขับขี่ตอบโจทย์กับนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมที่สุด นอกจากนี้ความทันสมัยยังเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับเสมอในการเลือกซื้อ

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เปลี่ยนสีรถเป็นอีกสีหนึ่ง…จะมีปัญหาไหม

เปลี่ยนสีรถเป็นอีกสีหนึ่ง...จะมีปัญหาไหม

                การเลือกซื้อรถในปัจจุบันแน่นอนว่าเราได้รุ่นรถที่ถูกใจ แต่ก็ถูกใจไม่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีรถที่ตนอยากได้สีนั้นแต่ไม่มีในรุ่นรถยนต์ที่ชอบเสียนี่ หรือมีความชอบที่จะทำรถแบบนี้ของตนเอง เลยไปร้านพ่นสีเป็นสีนั้นๆ เสียเลย ซึ่งความชอบของแต่ละคนอาจจะเป็นสีพื้นๆ โทนเดียว สองสี หรือสีที่หลากหลายเหมือนแฟนซี แต่ก็มีข้อถกเถียงเหมือนกันว่าจะมีปัญหาในเรื่องทะเบียนในภายหลังหรือไม่ แล้วถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราจะทำยังไงถ้าหากรถยนต์ไปเปลี่ยนสีเป็นสีที่ชอบหลังจากซื้อมา จะเกิดอะไรขึ้น แล้วจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ยังไงกัน

                การเปลี่ยนสีรถยนต์อยู่ที่ความชอบส่วนตัวมากกว่า แต่ต้องดูว่ามีความเหมาะสมต่อความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งเรื่องเปลี่ยนสีไม่ได้ร้ายแรงต่อการขับขี่แต่อย่างใด แต่การเปลี่ยนสีรถจะเป็นหนึ่งในการทำให้สภาพรถยนต์เปลี่ยนไปจากเดิม ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของรถ ซึ่งได้ดำเนินการพ่นสีรถยนต์เป็นอีกสีหนึ่งเรียบร้อย จะต้องมีหน้าที่ไปทำเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้าน เพื่อแจ้งต่อนายทะเบียน (ซึ่งสามารถไปแจ้งได้ไม่ว่าจะอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล หรือส่วนต่างจังหวัดที่ตนอยู่) โดยต้องแจ้งดำเนินการภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เริ่มดำเนินการเปลี่ยนสีรถยนต์ของตัวเองในช่วงเวลานั้น หากไม่ดำเนินการ ล่าช้า หรือเดินเรื่องเกินกำหนดที่สมควรแจ้ง เจ้าของรถยนต์ หรือเป็นเจ้าของโดยมีทะเบียนระบุชื่อของตนชัดเจนจะมีความผิดตามกฎหมายกรมการขนส่งทางบกในมาตราที่ 60 โดยจะเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท

  • เอกสารที่ควรเตรียมสำหรับดำเนินเรื่องเปลี่ยนสีรถยนต์ ให้เตรียมใบคู่มือจดทะเบียนรถที่เป็นชื่อของตนเอง สำเนาบัตรประชาชนพร้อมตัวจริง และหลักฐานการเปลี่ยนสีรถยนต์ เช่น รูปถ่ายสีเดิมของรถยนต์ ใบเสร็จจากอู่สำหรับค่าจ้างทำสีรถยนต์ (ยกเว้นสีคาดหรือแถบคาดไม่นับว่าเป็นสีจริงของรถยนต์ ในส่วนนี้ไม่ต้องแจ้งเลย ให้แจ้งในกรณีเปลี่ยนสีถาวร)
  • ขั้นตอนดำเนินการจะเสร็จเร็วกว่าสอบใบขับขี่มาก โดยจะต้องยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถยนต์ของตนเองเข้ามาตรวจสอบ ยื่นตรวจสอบเพื่อตรวจรถยนต์ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน จากนั้นชำระค่าธรรมเนียมในการทำทะเบียน แล้วรอรับกลับบ้านได้เลย ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียม 50 บาท ค่าดำเนินการตรวจสอบ 50 บาท และค่าคำขอ 5 บาท

                การเปลี่ยนสีรถยนต์จะต้องดูที่รุ่นรถยนต์เป็นหลักว่า ถ้าจะพ่นสีในรถยนต์รุ่นนี้ราคากี่บาท ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว มันไม่มีปัญหาเลย หากแจ้งภายใน 7 วันจะช่วยประหยัดค่าปรับไปได้เร็วเลยล่ะ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับใครดำเนินเรื่องเพื่อทำสีที่ตนชื่นชอบ ในขณะเดียวกันรถจักรยานยนต์ก็สามารถทำเรื่องเปลี่ยนสีรถจักรยานยนต์ได้เช่นกัน

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สิ่งของไม่ควรลืมไว้ในรถยนต์

สิ่งของไม่ควรลืมไว้ในรถยนต์

          รถยนต์ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายของมนุษย์ที่ใช้ในการเดินทาง ความปลอดภัยในการขับขี่รถบนท้องถนนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เชื่อไหมว่า สิ่งของบางสิ่งอย่างๆที่คุณชอบนำขึ้นรถและลืมทิ้งไว้  อาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นควรเช็ดความเรียบร้อยทุกครั้งก่อนการขับขี่หรือลงจากรถยนต์ ครั้งนี้เราจึงนำเกร็ดสาระ มาฝากว่า อะไรบ้างที่เป็นสิ่งไม่ควรทิ้งไว้ในรถ เพราะอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ที่ขับขี่หรือต่อรถยนต์ได้ ไปดูกันว่าอะไรเป็นสิ่งต้องห้ามบ้าง

            1.แบตเตอรี่สำรอง เป็นสิ่งที่สาวๆทุกคนต้องมีติดตัวตลอด เพ่อไว้สำรองสำหรับการใช้มือถือ แต่ทราบหรือว่าไม่ว่าแบตเตอรี่สำรองมีความไวต่อปฏิกิริยาเคมี ห้ามเจอความร้อนสูงอาจทำให้เกิดการลัดวงจรและเกิดการลุกไหม้ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่จะลงจากรถจึงไม่ควรลืมทิ้งไว้ในรถ

            2.โทรศัพท์มือถือ นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าเมื่อใดที่เกิดความร้อน จะทำให้ลงจรภายในโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย แบตเตอรี่อาจเกิดการระเบิดได้ ดังนั้นอย่าได้ลืมโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในรถ ทางที่ดีควรพกติดตัวไว้จะดีกว่า

            3.ไฟแช็ค ถ้าลืมไว้ในรถถือเป็นอันตรายอีกอย่าง เพราะถ้าไฟแช็คได้รับความร้อนที่อุณหภูมิเกิน 50 องศาเซลเซียส อาจทำให้แก๊สขยายตัวเกิดเชื้อเพลิงของเหลวในไฟแช็ค ทำให้เกิดระเบิดได้

            คำว่าไฟแช็ค พี่น้ำเช็คแล้วว่าสะกดแบบนี้ หรือ ไฟแชค ไม่มี ไม้ไต่คู้ก็ได้นะคะ

4.กระป๋องสเปรย์ทุกประเภท เพราะกระป๋องสเปรย์เมื่อถูกความร้อนสูงอาจทำให้วัตถุทางเคมีและแก๊สในกระป๋องขยายตัวจนเกิดประกายไฟและการระเบิด สร้างความเสียหายไม่ใช่น้อย

            5.แผ่นยางกันลื่นสำหรับมือถือ หากเกินความร้อนเป็นเวลานานจะทำให้ละลายติดกับตัวรถเกิดความเสียหายได้

            6.ยาและครีมกันแดด ถ้าจะนำของสองอย่างนี้ขึ้นรถ ควรเก็บไว้ให้พ้นจากแสงแดด และบริเวณที่ร้อน เพราะจะทำให้ตัวยาและประสิทธิภาพของครีมกันแดดเสื่อมสภาพลงไม่ได้ผลในการรักษาและการกันแดด

            7.น้ำหอมปรับอากาศ เพราะน้ำหอมปรับอากาศ เมื่อได้รับความร้อนสูงอาจก่อให้เกิดการละลายเปรอะเปื้อนแผงคอนโซน และหากไม่ได้ทำความสะอาดทันทีจะทำให้เกิดคราบ รอยด่างที่แก้ไม่ได้

            8.เครื่องสำอาง   เครื่องสำอาง  เป็นสิ่งที่ไม่ควรทิ้งไว้ในรถยนต์ เพราะหากโดนความร้อนเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ครีมเสื่อมประสิทธิภาพ ลดอายุการใช้งาน ไหลละลาย เปรอะเปื้อนรถยนต์ ลิปสติกแท่งโปรดเกิดการเสียหาย ได้ใช้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมา

            9.ขวดน้ำดื่มที่ได้รับจากการเติมน้ำมัน เพราะสมัยนี้ไม่ว่าจะเติมน้ำมันหรือเติมแก๊สของค่ายพลังงานค่ายไหน ก็มักจะได้รับน้ำดื่มเป็นของสมนาคุณตามโปรโมชั่นของแต่ละค่าย ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อได้รับขวดน้ำดื่มก็จะให้เจ้าหน้าผู้เติมน้ำมันเขาขวดน้ำดื่มของแถมเปิดประตูไว้ที่เบาะหรือพื้นด้านหลังคนขับ ซึ่งจะเกิดอันตายเป็นอย่างมากหากขวดน้ำไหลกลิ้งมาที่บริเวณคันเบรก หรือคันเร่งด้านหน้าของคนขับ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิด ทางที่ดี ควรหาตะกร้าวางไว้ที่เบาะด้านหลังเพื่อเป็นที่สำหรับวางขวดน้ำจะปลอดภัยกว่ามาก

            และทั้งหมดที่นำมาบอกคือสิ่งของที่ไม่ควรลืมทิ้งไว้ในรถ เพราะมีแต่ความเสียหาย และก่อให้เกิดอันตรายอย่างไม่คาดคิดได้ ควรตรวจดูสิ่งของเหล่านี้ทุกครั้งก่อนลงจากรถจะได้ ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ไฟหน้ารถยนต์เหลือง วิธีทำให้ไฟหน้ากลับมาใสเหมือนใหม่

ไฟหน้ารถยนต์เหลือง วิธีทำให้ไฟหน้ากลับมาใสเหมือนใหม่

          วันนี้เอาเทคนิคการแก้ไข่ไฟหน้ารถเหลืองให้กลับมาใสกิ๊กเหมือนใหม่ด้วยงบประมาณ 10 บาท ถ้าไม่เชื่อว่างบ 10 บาททำไดจริงต้องลองตามมาพิสูจน์กันว่า คุณไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่คุณจะได้รถใหม่ จะจริงอย่างที่บอกหรือไม่ไปดูกันเลย

          อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่เป็นเคล็ดลับของเทคนิคนี้คือ กระดาษทรายเบอร์ 1,000 เพราะกระดาษทรายเบอร์1,000 จะทำให้ผิวสัมผัสละเอียดที่สุด เราจะขับเฉพาะสิ่งที่เหลืองคราบของเลคเกอร์ออกไป แล้วเราก็จะเสริมเลคเกอร์เข้าไปอีกครั้ง การขัดวิธีนี้ เราไม่ได้เอาเนื้อผิวของกระจก หรือพลาสติกออกไปทำให้ไฟหน้ารถเสียหาย มาดูวิธีทำกัน

          อุปกรณ์

ภาพประกอบที่ 3,4,5

          1.กระดาษทรายเบอร์ 1,000

            2.น้ำยาขัดยาบ

            3.น้ำยาขัดลบรอยและขัดเงาสีรถ

            4.ผ้าสะอาด 4-5 ผืน

            5.ฟองน้ำใหม่สะอาด

            6.น้ำเปล่า 1 ถัง

วิธีทำ

          1เปิดฝากระโปรงหน้ารถขึ้น แล้วใช้เทปกาวปิดที่ขอบไฟของรถให้รอบ จากนั้นใช้น้ำเช็ดในส่วนของดวงไฟ 1 รอบ

            2.นำกระดาษทรายเบอร์ 1,000 จุ่มน้ำและขัดดวงไฟแบบวนกลมๆเหมือนก้นหอย โดยเริ่มจากไฟดวงใหญ่ก่อน แล้วจึงมาขัดไฟดวงเล็ก

          3.เมื่อใช้กระดาษทรายเบอร์ 1,000 ขัดดวงไฟจนทั่วแล้ว ให้นำน้ำยาขีดหยาบ มาขัดวนเป็นก้นหอยซ้ำอีกทีโดยขัดตอนนี้ห้ามโดนน้ำอย่างเด็ดขาด

ภาพประกอบที่ 6

            4.ใช้ผ้าสะอาดขัดน้ำยาขัดหยาบออกให้เกลี้ยง

            5.บีบน้ำยาขัดลบรอยและขัดเงาสีรถใส่ฟองน้ำที่แห้งและสะอาดเพื่อทำการขัดขาว ( ระวังอย่าให้น้ายาขัดหยาบและน้ำยาขัดเงาผสมกันเพราะไฟจะหมอง )

          6.จากนั้นนำฟองน้ำที่มีน้ำยาขัดเงาแล้วเช็ดวนเป็นก้อนหอยที่ดวงไฟให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าสะอาดอีกผืนเช็ดวนเป็นก้นหอยอีกครั้ง เสร็จแล้วจึงแกะเทปกาวที่ติดขอบดวงไฟออกเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับเทคนิคการแก้ไขไฟเหลืองเป็นไฟดวงใหม่ที่ใสปิ๊ง โดยไม่ต้องไปเข้าขัดที่ศูนย์ ทำแงได้ด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อย

            การทำให้ไฟฟน้ารถใสอยู่เสมอ นอกจากจะทำหใรถดูใหม่ สวยงามแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการสร้างทัศนวิสัยที่ดีในการขับรถโดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพราะหากหวงไฟเหลืองจะทำให้ไฟที่ส่องสว่างผ่านดวงไป จะไม่เกิดความสว่างได้เต็มร้อย จะทำให้ผู้ขับขี่เกิดความกังวล เพราะทัศนวิสัยไม่ดี มองไม่ชัด อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจงหมั่นดูแลไฟรถของคุณให้ใสอยู่เสมอ ด้วยเคล็ดลับง่ายๆที่นำมาฝาก ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดเงินในกระเป๋า เพราะคุณทำเองได้

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สปอยเลอร์รถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร แล้วมีแบบไหนบ้าง

สปอยเลอร์รถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร แล้วมีแบบไหนบ้าง

        เป็นอีกหนึ่งชุดแต่งที่เรียกได้ว่ายอดนิยมมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าตัวชุดแต่งแบบนี้มีประโยชน์กับรถยนต์ของเราด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่การติดแบบเผินๆแน่นอน  ซึ่งใครหลายคนอาจจะไม่เข้าใจ รวมไปถึงผู้ที่ซื้อรถยนต์บางท่านก็อาจจะเข้าใจผิดสำหรับการแต่งสปอยเลอร์ด้วย วันนี้เราจะมาดูข้อดีของชุดแต่งนี้กัน รวมไปถึงประเภทของมันด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร ไปดูกันเลยครับ

ประโยชน์ของ สปอยเลอร์

           สำหรับประโยชน์ของ สปอยเลอร์ รถยนต์นั้น ไม่ได้มีเอาไว้แค่แต่งเอาสวย หรือ เอาเท่เพียงอย่างเดียว แต่เจ้านี่สามารถที่จะเพิ่มแรงกดในส่วนท้ายของรถยนต์ ทำให้รถยนต์ของเรายึดเกาะถนนได้ดีขึ้น รถนิ่งขึ้น  ไม่เกิดอาการเหิน หรือ แกว่งขณะขับรถยนต์ด้วยความเร็วนั่นเอง ตัว สปอยเลอร์จะส่งผลได้ดีในเวลาที่เราขับรถยนต์ด้วยความเร็วนั่นเอง

            แน่นอนว่าเมื่อเราขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง จะเกิดแรงยกที่จะกระทำกับตัวรถยนต์ ทำให้การยึดเกาะถนนนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพ เวลาที่เราขับจะรู้สึกได้เลยว่ารถของเราร่อนไปร่อนมา โดยเฉพาะช่วงเลี้ยวโค้ง ท้ายรถอาจจะปัดได้ แต่เมื่อติดตั้งสปอยเลอร์แล้วนั้น จะช่วยเพิ่มแรงกดนนี้ให้กับตัวรถ ทำให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีขึ้น

วัสดุแบบไหน ทำ สปอยเลอร์ ได้บ้าง

              วัสดุที่นิยมนำมาทำสปอยเลอร์นั้นมีด้วยกัน 3 ประเภท นั่นก็คือ ไฟเบอร์,คาร์บอนไฟเบอร์ รวมทั้ง พลาสติก ABS / PU โดยวัสดุชิ้นแรกที่จะพูดถึงก็คือ “ไฟเบอร์” มีข้อดีอยู่ที่ ราคาไม่สูง มีแบบให้เลือกมากมาย ข้อเสียก็มีช่วงผิวที่ไม่เรียบ การทำสีให้สวยก็ต้องใช้ข่างที่มีฝีมือพอสมควร

              ในส่วนของ “คาร์บอนไฟเบอร์” จะมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา สวยงาม แต่มีข้อเสียในด้านราคาที่ค่อนข้างจะสูง กว่าแบบ ไฟเบอร์ และสุดท้ายอย่าง “พลาสติก ABS” มีความแข็งแรงทนทาน ทำสีได้ง่าย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นวัสดุที่ดีที่สุดเลยทีเดียว

เลือก สปอยเลอร์แบบไหนดี

              ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากว่าคุณซื้อรถยนต์ใหม่ มักจะมีชุดแต่งจากรถป้ายแดงแถมมาให้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างกันของสปอยเลอร์จากศูนย์บริการ ก็อาจจะใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของความชอบส่วนตัว ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมว่า ต้องการเปลี่ยนตัวชุดแต่งหรือไม่ อีกทั้งนิสัยของผู้ขับขี่ว่า จะขับเร็ว หรือ ขับในเมือง หรือ จะแต่งรถยนต์เอาสวย ก็ขึ้นอยู่กับ เงินในกระเป๋า และ รสนิยมของคุณนั่นเอง

               ข้อแตกต่างที่อาจจะได้เห็นของการใช้ชุดแต่งสปอยเลอร์ ก็คือ การแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าของรถยนต์ แต่ทว่าอีกส่วนก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ประโยชน์ในการขับขี่ ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการขับที่ดีมากขึ้นด้วย  และ ทั้งหมดนี้คือ ความสำคัญของการแต่งรถด้วย “สปอยเลอร์”

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีล้างห้องเครื่องรถยนต์ ด้วยตัวเอง

วิธีล้างห้องเครื่องรถยนต์ ด้วยตัวเอง

         ล้างห้องเครื่องรถยนต์เองอาจจะมีความเสี่ยง แต่เราก็มีวิธีลดความเสี่ยงต่างๆนั้นได้  โดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการให้เสียงเงิน ทำอย่างไรจึงจะถูกต้องและไม่สร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์ ไปดูกันเลย

            สิ่งที่ควรรู้และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดห้อเครื่องยนต์

            1.อุปกณ์ที่ต้องมีสำหรับการล้างห้องเครื่องรถยนต์ คือถุงพลาสติก ( ถุงก็อปแก็ป )  23-3 ถุงเพื่อนำไปคุมแบตเตอรี่ขั้วบวกและขั้วลบ โดยถอดสายขั้วทั้งสองขั้วออกด้วยจะดีมากทั้งนี้เพื่อป้องกันไฟฟ้า ลัดวงจร

            2.นำถุงพลาสติกขยุ้มๆแล้วปิดช่องทางเข้าของลมเพื่อไม่ให้น้ำเข้า

            3.เตรียมสเปรย์โฟมทำความสะอาดห้องเครื่องไว้สัก 1 กระป๋องเพราะเป็นสเปรย์ทำความสะอาดห้องเครื่องที่ฉีดตรงไหนแล้วเช็ดตามได้เลยโดยไม่ต้องใช้น้ำล้าง

4. สำหรับอุปกรณ์อีกชิ้นที่ควรมีคือ เครื่องเป่าลมเพื่อไล่ความชื้น แต่ถ้าไม่มีล้างเสร็จก็รีบขับรถออกให้แห้งมันร้อน ห้องเครื่องจะได้แห้งไม่มีน้ำเกาะเปียก ส่วนบริเวณขั้วต่อไฟต่างๆให้ใช้ โซแนค ฉีดเข้าไปได้เลย เพราะโซแนคจะช่วยไล่ความชื้น

มาสู่ขั้นตอนการล้าง

         สิ่งสำคัญที่สุดในการจะล้างห้องเครื่องคือ ต้องทำให้เครื่องยนต์เย็นเสียก่อนจึงเริ่มล้าง ห้ามล้างในขณะที่เครื่องยนต์ร้อน  ทางที่ดีควรทิ้งไว้ข้ามคืนหลังดับเครื่องยนต์ หรือทิ้งไว้เกิน 5-6 ชั่วโมงเป้นอย่างน้อย

         1.เปิดฝาประโปรงคลุมถุงพลาสติกตามจุดที่บอกไว้ในเบื้องต้น แล้วฉีดน้ำล้างเบาๆไปให้ทั่วบริเวณห้องเครื่อง ถ้าใครใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงให้ปรับหัวน้ำในระดับที่เบาที่สุด

            2.สำหรับน้ำยาล้างจะใช้น้ำยาล้างห้องเครื่อง หรือใช้น้ำยาล้างรถก็ได้ ถ้าไม่มีแต่ถ้าเป็นน้ำยาล้างห้องเครื่องโดยเฉพาะก็จะได้ประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาห้องเครื่องที่ดีกว่า

            3.ฉีดโฟมทำความสะอาดให้ทั่วห้องเครื่อง จากนั้นนำฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำยาล้างห้องเครื่อง หรือน้ำยาล้างรถเช็ดไปตามบริเวณต่างๆของห้องเครื่องไปตามต้องการว่าอยากให้สะอาดมากน้อยเท่าใด เพราะส่วนใหญ่แล้วความสกปรกของห้องเครื่องก็มาจากคราบฝุ่นเป็นหลัก

            4.เมื่อทำการเช็ดเสร็จแล้ว ล้างน้ำสะอาดเบาๆอีกครั้ง

            5.เมื่อล้างน้ำสะอาดดีแล้ว ใช้เครื่องเป่าลมมาเป่าบริเวณต่างๆของห้องเครื่องเพื่อไล่ความชื้น หรือจะใช้วิธีขับรถ หรือ สตาร์ทเครื่องแช่ไว้ก็ได้เพื่อไล่ความชื้นออกไปจากห้องเครื่อง ซึ่งควรเป่าบริเวณข้อต่อ หรือ บริเวณสายไฟให้ออกมากที่สุด หรือจะใช้โซแนค ฉีดช่วยไล่ความชื้นในบริเวณข้อต่อสายไฟอย่างที่แนะนำไว้ในเบื้องต้นก็ได้

            6.เมื่อล้างเสร็จแล้ว อย่าลืมเอาถุงพลาสติกที่คลุมและอุดบริเวณต่างๆของห้องเครื่องออกไปด้วย

            อย่างไรก็ตามการล้างห้องเครื่องยนต์ไม่ควรทำบ่อย อาจใช้ผ้าเช็ดๆทำความสะอาดก็ได้ในบางครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของรถที่คุณรัก

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

ยางกันเสียง…ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงาม

ยางกันเสียง…ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงาม

               การขับรถยนต์ในปัจจุบันต้องการขับขี่สบาย ประหยัดน้ำมัน ไร้เสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเสียงอากาศรบกวน เสียงคนเจี๊ยวจ๊าว เสียงรบกวนจากจราจรติดขัด เสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงอื่นๆ ที่เข้ามาในรถยนต์ แล้วรบกวนต่อการขับรถยนต์อย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่ายางกันเสียงก็เป็นอุปกรณ์แต่งรถที่จำเป็นต่อการขับขี่รถยนต์มากขึ้นเช่นกัน และเป็นสินค้าขายดีมาก ซึ่งใครๆ นิยมให้ช่างมาติดตั้งยางกันเสียงในรถยนต์ของตนเองเพิ่มขึ้นเลยทีเดียว ในบทความนี้จะมาอธิบายว่าการติดตั้งยางกันเสียง มันจำเป็นมากน้อยแค่ไหน แล้วมันมีประโยชน์อะไรบ้าง

               จุดมุ่งหมายของการติดยางกันเสียง บางคนเชื่อว่าติดตั้งเพื่อป้องกันเสียงภายในเล็ดลอดออกไป และป้องกันการรบกวนของเสียงภายนอก อย่าลืมว่าการติดยางกันเสียงไม่ได้กันเสียงภายในรถยนต์แต่อย่างใด อันนี้อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เพราะช่วยในเรื่องการรบกวนของเสียงภายนอกรถยนต์เป็นหลัก เหตุที่ยางกันเสียงในรถยนต์มีความจำเป็น นอกจากช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับรถยนต์แล้ว ยังช่วยเอาใจคนชอบฟังดนตรีอย่างมาก เพราะช่วยให้เราได้อรรถรสในการฟังดนตรีได้ดีขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งจะได้ผลดีมากในกลุ่มรถยนต์ที่ปิดสนิทได้ง่าย แต่ในรถยนต์ที่ปิดสนิทได้ยาก

การติดยางกันเสียงจะกลายเป็นปัญหาโดยปริยาย เพราะการติดตั้งยางกันเสียงในรถยนต์ที่ไม่เหมาะสม จะทำให้ปิดประตูยาก หรือปิดประตูรถยนต์ไม่สนิท บางรายอาจมีปัญหายางปลิ้นออกนอกรถเนื่องจากติดตั้งไม่ถูกรุ่น หรือติดตั้งด้วยความขาดความชำนาญ จนนำไปสู่ปัญหาเสียเงินฟรีไปโดยปริยาย ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อยางกันเสียง ควรปรึกษาช่างที่ชำนาญโดยเฉพาะจริงๆ เพื่อการให้คำแนะนำที่เหมาะสมว่าควรติดตั้งรถยนต์รุ่นไหนถึงจะคุ้มค่ามากกว่ากัน นอกจากนี้จะต้องดูว่ารถยนต์แต่ละรุ่นสามารถติดยางกันเสียงได้ในรุ่นไหนบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่เสียเงินฟรีในภายหลัง

               เรื่องรถยนต์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ต้องมีการสำรวจสภาพการใช้งานให้พร้อมตลอดเวลา รวมถึงยางกันเสียงด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันการหลุดลุ่ยระหว่างทาง ถ้าหากติดแล้วดีขึ้น แสดงว่าคุณเลือกยางกันเสียงได้ถูกคัน แต่ถ้าเลือกได้ไม่เหมาะสม อาจจะไม่เกิดอุบัติเหตุที่ตนเองเพียงอย่างเดียว แต่จะมีผลเสียในภายหลังตามมา การติดตั้งยางกันเสียงจึงมองว่ามีทั้งประโยชน์และฟุ่มเฟือยในเวลาเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักเท่าไหร่ การติดตั้งยางกันเสียงในรถยนต์ของตนเองจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก และควรเช็คคุณภาพของยางกันเสียงว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมหรือไม่ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการใช้งานและรีวิวผู้ใช้ในยางกันเสียงรถยนต์เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook