บริษัท Hyundai เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าหลังเกิดไฟไหม้

บริษัท Hyundai เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า

ในโลกยุคปัจจุบันนี้หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมากเพื่อให้ตอบสนองต่อผู้บริโภคที่ต้องการความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาและเพื่อลดภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นปัญหาของทั้งโลกในปัจจุบันนี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่นั้นเริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนที่รถยนต์ใช้น้ำมันและหนึ่งในบริษัทที่ทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คือบริษัท Hyundai ของเกาหลีนั่นเอง

บริษัท Hyundai เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ในการเดินทางแถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้บริโภคหลายคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นจำนวนมากและสถานที่ให้บริการน้ำมันหลายที่ก็เริ่มที่จะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าแล้วทำให้อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าก็จะกลายเป็นเทรนรถยนต์ที่เข้ามาเปลี่ยนเทคโนโลยียานยนต์ อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยเสมอไป

ล่าสุดบริษัทHyundai หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุกลับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีการเผาไหม้ที่แบตเตอรี่รถยนต์ทำให้ต้องเรียกรถยนต์ส่วนใหญ่กลับเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่ไฟฟ้าลัดวงจรนั่นเองการเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้มีมูลค่าสูงมาก ประมาณ 1 ล้านล้านวอนเลยทีเดียว

บริษัท Hyundai เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า

เป็นที่โชคดีที่เหตุอุบัติเหตุจากการไฟฟ้าลัดวงจรที่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า Hyundai นั้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตามบริษัทฮุนไดก็คงจะต้องระมัดระวังและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้แบตเตอรี่ให้มากขึ้นอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งแบตเตอรี่ที่รถยนต์ Hyundai ใช้ในการประกอบรถยนต์นั้นเป็นของบริษัท LG และในปัจจุบันนั้นกำลังมีการเจรจาเพื่อตกลงว่าใครจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย

บริษัท Hyundai เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า

ถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์ในทางเลือกใหม่และมีทิศทางที่จะเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียานยนต์ในโลกอนาคตแต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในตัวของรถยนต์ จากเหตุดังกล่าวคงทำให้บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายต้องกลับไปพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอนเลย

TAG #Hyundai #รถยนต์ไฟฟ้า #รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า #รวมเรื่องรถ #automotive-story.com

ข้อมูลจาก CNN

Cr.Pixabay

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า

เมื่อพูดถึงประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกครั้งที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและทางด้านประชากรในทวีปเอเชียก็คงจะนึกถึงประเทศจีนเป็นอันดับแรก ๆ เลย ด้วยความที่เป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรเป็นจำนวนมากทำให้ประเทศจีนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาสภาวะทางด้านการจราจร โดยประเทศจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาใหญ่ของโลกอย่างปัญหาภาวะโลกร้อนทำให้ประเทศจีนนั้นเริ่มมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น

รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า1

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV ได้ร่วมมือกับบริษัทของอเมริกาอย่าง General Motor ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศจีนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกร้อนโดยรถยนต์ไฟฟ้าของทางบริษัทดังกล่าวนั้นจะมีขนาดที่เล็กเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในประเทศจีน โดยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนี้มีราคาถูกแถมใช้สะดวกสบายอีกด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรถขนาดเล็กทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ประชากรชาวจีน โดยทำยอดขายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วไปถึง 24,000คัน  และตัวรถยนต์สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 100Km/Hr

รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า2

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV มีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปในต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้ประเทศจีนนั้นมีแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายที่มากแถมราคายังมีราคาที่ถูกอีกด้วยและทางรัฐบาลเองก็มีการผลักดันให้ประเทศจีนเป็นผู้นำทางด้านกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท The Hong Guang Mini EV ในประเทศจีนยังมียอดขายสูงขึ้นเรื่อย ๆ

รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า3

จากการที่มีรถยนต์ไฟฟ้าถูกผลิตอย่างมากในปัจจุบันทำให้เราสามารถบ่งบอกได้ว่าในอนาคตนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนและรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าน้ำมันอย่างมาก โดยอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำมันนั้นเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแต่ทรัพยากรไฟฟ้านั้นสามารถผลิตขึ้นได้จากช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้นในอนาคตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่นอนเลย

Tag #รถยนต์ไฟฟ้า #รถยนตร์พลังงานไฟฟ้า #จีน #รวมเรื่องรถน่ารู้ #automotive-story.com

ข้อมูลจาก BBC และ Autodeft

Cr.Pixabay, China’map,Wikipedia

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

ในปัจจุบันนี้โลกของเรานั้นได้ร้อนขึ้นอยู่ในทุก ๆ ปีและคนทั่วทั้งโลกก็กำลังเริ่มที่จะตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่ต้องร่วมช่วยกันแก้ปัญหา และเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็มีความสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้ด้วยเช่นเดียวกัน ปัญหาโลกร้อนนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้ ขยะ และ อื่น ๆ และหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ก็คือรถยนต์ไฟฟ้า

volvo รถยนตร์ไฟฟ้า

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่นั้นเริ่มที่จะมาใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนแทนน้ำมันที่เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแถมยังเป็นทรัพยากรที่เมื่อนำมาใช้แล้วยังทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทผลิตรถยนต์กำลังที่จะเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยที่เราเห็นกันแล้วก็คงจะเป็นบริษัท Tesla ของอีลอน มัสก์ ที่ได้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ใช้แล้วในปัจจุบัน และอีก 1 บริษัทที่กำลังเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คือบริษัท Volvo

volvo รถยนตร์ไฟฟ้า

Volvo เป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและมีผู้นิยมใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้ซึ่งทางบริษัทนั้นมีแผนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 เหลืออีกประมาณ 10 ปีข้างหน้านี้ และทาง Volvo เองก็เชื่อว่าจะตอบสนองต่อผู้บริโภคได้หลายยังเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย

และเมื่อเปลี่ยนรถยนต์ใช้พลังงานน้ำมันเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว Volvo ตัดสินใจที่จะเดินลงทุนในการทำตลาดออนไลน์มากขึ้นให้เหมือนกับบริษัทเทสล่าที่ขายรถยนต์ทางออนไลน์ เมื่อบริษัทรถยนต์รายใหญ่นั้นเริ่มทำการเปลี่ยนรถยนต์จากรถยนต์ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ใช้ไฟฟ้าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันก็กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนให้ลดลงให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนแล้วยังลดต้นทุนอีกด้วยเพราะมีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นจะมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

volvo รถยนตร์ไฟฟ้า

เทคโนโลยียานยนต์เป็นเทคโนโลยีแรก ๆ ที่มีการผลิตเพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อนและในอนาคตที่โลกมีความก้าวล้ำไปมากกว่านี้คงมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวที่เป็นปัญหาระดับโลก

TAG #รถยนต์ไฟฟ้า #Volvo #รวมเรื่องรถ #aotomotive-story.com

ข้อมูลจาก CNN

Cr. Pexels ,Pixabay