วิธีดูรถมือสอง ดูครบทุกด้าน 6 จุดสำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รถมือสอง

วิธีดูรถมือสอง ดูครบทุกด้าน 6 จุดสำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อ ตอนที่ 2

จากบนความตอนที่ 1 ที่ได้ให้ข้อสังเกตเบื้องต้นของการดูรถมือสองก่อนจะซื้อว่าต้องดู 6 จุดสำคัญ และได้นำเสนอการดูเรื่องตัวถังไปอย่างละเอียดแล้วนั้น

ตอนนี้เรามาดูจุดสำคัญอีก  5 จุด ที่ต้องดูถัดไปกัน

2.เครื่องยนต์ อาจจะดูยากหน่อยแต่ลองตั้งใจสังเกตดู

อย่างแรกเสียงของเครื่องยนต์ต้องมีความถี่เดียว ไม่ก๊อกๆแก๊กๆ และเสียงเปิดแอร์ปิดแอร์เสียงเครื่องยนต์ก็จะแตกต่างกัน แต่เวลาที่ตรวจสอบควรปิดแอร์

แล้วก้มดูตรงตำแหน่งเครื่องยนต์ใต้รถว่ามีคราบน้ำมันหรือเปล่า? ถ้ามีคราบเยิ้มๆไม่ผ่านขอให้ใต้เครื่องยนต์มีความแห้งจะดีกว่า

3.เกียร์ เวลาทดสอบเกียร์ต้องตั้งใจใช้สติ โดยสตาร์ทเครื่องแล้วเท้าซ้ายเหยียบเบรคไว้ตลอด เท้าขวาอยู่ที่ตำแหน่งคันเร่งเหมือนเดิม ดึงเบรกมือขึ้นไว้ แล้วโยกตำแหน่งเกียร์จาก B มาหาตัว D แล้วใช้เท้าขวาค่อยๆเร่งเครื่องยนต์ รอบเครื่องยนต์จะต้องไม่เกิน 2300 ถ้ารอบเครื่องยนต์ขึ้นไปถึง 2700 แสดงว่าคลัชเริ่มลื่นแล้ว ซึ่งคลัชลื่นมีค่าใช้จ่ายแพงอยู่ นี่คือวิธีการทดสอบเกียร์

4.ระบบช่วงล่าง ทดสอบโดยขึ้นรถมา จับพวงมาลัยโยกซ้ายโยกขวาดูว่ามันมีอะไรก็อกๆแก๊กๆหรือเปล่า? ถ้าพวงมาลัยโยกลื่นดีก็ผ่านไปจุดหนึ่

ต่อไปทดสอบโดยการขับขึ้นกระแทกเนินเบาๆ เพื่อเช็คลูกหมาก เช็คช่วงล่าง โดยจังหวะที่กระแทกให้เช็คว่ารู้สึกว่าช่วงล่างมันสะท้านมันคลอนไหม มันกระแทกมาถึงพวงมาลัยไหม ? ถ้าสะท้านนั่นคือช่วงล่างมันหลวม

5.ดูภายใน การดูภายในคือการบ่งบอกากรใช้งานของคนเก่าว่าใช้งานมาสมบุกสมบันหรือเปล่า? ถนอมรถหรือเปล่า ? โดยสังเกตที่คอนโซล พวงมาลัยว่าถลอกไหม เบาะยุบมากน้อยแค่ไหน ดมกลิ่นภายในว่ามีกลิ่นเชื้อราไหม เผื่อรถจะไปจมน้ำมา ก้มดูใต้เบาะว่ามีสปริงที่เป็นสนิมหรือเปล่า ? คันเร่งมีคราบสนิมหรือเปล่า ?  จากนั้นใช้กุญแจเสียบสตาร์ท เช็คว่าบิดกุญแจดังแก๊ก 2 ครั้งแล้วมีไฟอะไรโชว์บ้าง ABS , AIRBAG ไฟเครื่องยนต์ เข็มขัดนิรภัย แบเตอรรี่ ถังน้ำมัน น้ำมันเครื่องต้องโชว์ครบ จากนั้นบิดกุญแจอีกแก๊กหนึ่งสตาร์ทรถ เมื่อสตาร์ทติดไฟต้องดับ เหลือแค่ไฟเข็มขัดนิรภัยที่ไม่ดับ  แต่ถ้าทดสอบแล้วไฟไม่ติดไม่ดับตามที่ให้สังเกตแสดงว่ามีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์หรือระบบเบรค

6.ระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าให้กระจกมองข้างว่า สามารถปรับประจกขึ้นลงซ้ายขวาได้เสถียรหรือไม่? กระจกรถเปิดปิดขึ้นลงได้สะดวกหรือไม่? แล้วก็ตรวจสอบเปิดปิดแอร์ว่าได้จังหวะการเปิดปิดที่ปกติหรือไม่? แอร์เย็นเร็วหรือไม่?  ระบบไฟฟ้าตรวจสอบประมาณนี้ถือว่าพอแล้ว

วิธีดูรถมือสอง 6 จุดง่ายๆอย่างที่นำมาฝาก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องดู เพื่อให้คุณได้รถมือสองที่มีคุณภาพ ไม่ต้องซื้อแล้วต้องไปเสียเงินซ่อมจุกๆจิกๆเป็นระยะๆ ทำให้ต้องเสียเงินเสียเวลาอีกมากมาย ดังนั้นให้ความสำคัญกับการดูทั้ง 6 เรื่องนี้ เพิ่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีดูรถมือสอง ดูครบทุกด้าน 6 จุดสำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รถมือสอง

วิธีดูรถมือสอง ดูครบทุกด้าน 6 จุดสำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อ ตอนที่ 1

ใครที่จะซื้อรถมือสอง อย่าได้พลาดบทความนี้ เพราะเรานำเอาวิธีการซื้อรถมือสอง ที่ต้องเช็ค 6 จุดสำคัญที่ดูง่ายๆก่อนชื้อ มาดูกันว่าต้องสำรวจและสังเกตจุดไหนของรถมือสองก่อนตัดสินใจซื้อ โดยแต่ละจุดจะไล่จากความสำคัญที่มากที่สุดไปสู่ความสำคัญที่น้อยที่สุด ดังนี้ 1.ตัวถัง 2.เครื่องยนต์ 3.เกียร์ 4.ช่วงล่าง 5.ภายใน 6.ระบบไฟ

มาดูรายละเอียดที่ต้องตรวจดูกัน

1.ตัวถัง ให้ดูที่น็อตยึดฝากระโปรง เพราะฝากระโปรงเป็นเหล็กชิ้นหนึ่ง โดยน็อตยึดฝากระโปรงจะต้องไม่ผ่านการขันมาก่อน แต่จุดนี้ยังไม่ใช่หัวใจหลัก เพราะหัวใจหลักจะอยู่ที่กันชนหน้าว่าผ่านการชนมาหรือเปล่า รถที่ถูกชนหน้ามาให้ดูทีคานหน้า ต้องดูน็อตคานหน้าว่าไม่เคยผ่านการขันน็อต หรือใช้ประแจ และอีกจุดหนึ่งคือที่ล็อคฝาประโปรง ที่มีน็อตอยู่ 3 ตัว โดยทั้ง 3 ตัวต้องไม่ผ่านการขันน็อตมาก่อน และถ้าจะดูว่ารถถูกเบียดข้างมาหรือไม่ ให้ดูที่แก้มรถด้านหน้าว่า น็อตยึดแก้มต้องไม่ขยับคือไม่โดนเบียดข้างมา

และการจะดูว่าด้านข้างของรถมีอุบัติเหตุมาหรือเปล่า ให้ดูที่

น็อตยึดประตู โดยเริ่มที่บานหน้าก่อน ดูที่แก้ม น็อตประตูตัวบน ตัวstoperระยะเปิดประดู และน็อตตัวล่างสุดว่ามีร่องรอยการใช้ประแจ ปรับแต่งระยะมาหรือไม่

ประตูหลังก็สำคัญต้องเช็คดูว่าน็อตด้านล่าง และด้านบนของประตูมีการขยับหรือเปล่า และขวบยางด้านบนของปะตูให้ค่อยๆดึงออกมา ดูว่าแผ่นที่ยึดติดขอบตัวรถด้านบน มีรอยของการปั้มย้ำของการยึดติดไหม ถ้าไม่เห็นแสดงว่ามีการใช้สีโป๊ทับใหม่ นั่นคืออาจมีการประสบอุบัติเหตุแล้วทำการซ่อม

ต่อมาดูที่ แผ่นเพลท อันนี้สำคัญมากตัวนี้ เพราะแผ่นนี้ต้องติดมาจากโรงงานเท่านั้น และแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน ซึ่งแผ่นเพลทจะบอกถึง โมเดล บอกNo.ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถ  และบอก วันเดือน ปีที่ผลิต อันนี้จะต้องมีติดอยู่

ทีนี้มาดูช่วงท้ายรถถูกชนหลังมาหรือไม่ ?

เปิดฝาท้าย หรือฝากระโปรงหลังรถขึ้น แล้วดูน็อตยึดฝากระโปรงด้านบน ดูแนวตะเข็บด้านล่าง เห็นรอยเหล็กสองชิ้นติดกันเป็นรอยเป็นสัน และมีแนวเชื่อมย้ำเป็นจุดๆ แต่ถ้ารถคันไหนถูกชนมา สีโป๊จะปิดมิดมองไม่เห็นรอยเหล่านี้ที่ทำมาจากโรงงาน

แต่ถ้าชนต่ำให้ที่เช็คที่บริเวณเก็บล้ออะไหล่ ให้ดูไปลึกๆที่ขอบยาแนว ว่ายังมียาแนวไหม ถ้าไม่มียาแนวแปลว่าโดนชนต่ำมา

ทั้งหมดนี้คือการเช็คเฉพาะส่วนตัวถัง ที่ต้องดูหัวน็อต ดูแนวเชื่อม ดูจุดย้ำ ดูง่ายๆอย่าให้มีสีโป๊มาทับ อย่าให้มีประแจไปขัน แค่นี้ก็คงจะเพียงพอสำหรับการดูตัวถังรถยนต์

ติดตามการตรวจเช็คส่วนอื่นๆของรถมือสองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อในบทความตอนต่อไป

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

การเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับ “รถยนต์มือสอง”

รถยนต์มือสอง”

การเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับ “รถยนต์มือสอง” ดูได้ตรงไหน

เมื่อพูดถึงการซื้อรถใหม่ เราอาจจะต้องการทั้งรถมือสองที่มีในโชว์รูมรถยนต์ แม้กระทั่งจากการซื้อรถยนต์มือสองสักคันมาใช้สอยตามอัธยาศัย แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือต้องทราบขนาดเครื่องยนต์ในรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่โฆษณาด้วยเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างขนาดเครื่องยนต์ต่างๆ จะช่วยให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ชัดเจน และวิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือการตรวจสอบความจุ CC ของรถ และสภาพเครื่องยนต์เพื่อควบคู่กับการตัดสินใจ

การตัดสินใจเลือกขนาดเครื่องยนต์สำหรับรถของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วสิ่งนี้จะส่งผลต่อกระเป๋าเงินโดยตรงของคุณและความถี่ในการขับขี่ หากคุณต้องการรถเพื่อเดินทางไปในที่ห่างไกล เช่น ที่ทำงาน โรงเรียน หรือกิจกรรมปกติอื่นๆ บ่อยครั้ง การเลือกรถที่จะไม่ทำให้คุณเครียดมากนักในแง่ของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อลดความหงุดหงิดใจและความหัวร้อนเช่นกัน

มีทริคแนะนำในการเลือกได้ดังนี้

  • ใช้เชื้อเพลิง ในขณะที่รถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง SUV มักจะกินน้ำมันในอัตราที่สูงกว่า เนื่องจากเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในรถ SUV นั้นมีไว้เพื่อผลิตพลังงานมากขึ้นดังนั้น CC จึงสูงกว่า อย่างไรก็ตาม การผลิตรถยนต์กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ไฮบริดและครอสโอเวอร์ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารุ่นก่อนๆ มากเลยทีเดียว
  • ราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณมีเงินในกระเป๋าน้อยลงและมีช่องว่างทางการเงินที่ต้องเติมให้เต็ม การเป็นเจ้าของรถยนต์ที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่ก็มีข้อดี เช่น พื้นที่เพิ่มเติมและกำลังที่มากกว่า ซึ่งคุณสามารถรับได้ไหม? อันนี้ต้องคิดอย่างหนัก
  • นี่เองเป็นเพียงสิทธิส่วนบุคคลที่จะดูตัวเลือกในการประหยัดเงินด้วยการซื้อรถที่คุณสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น แต่ในบางกรณี รถที่ใหญ่กว่าที่มีอัตราการสิ้นเปลืองที่สูงกว่าอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของคุณ เช่น กรณีมีครอบครัวหรือผู้พักอาศัยมากกว่า 3 คนขึ้นไป จะต้องใช้พวกครอสโอเวอร์หรือ SUV ขนาดย่อมไปจนขนาดกลาง

    จะสรุปได้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกขนาดและประเภทของรถที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือเริ่มจากความจุของเครื่องยนต์ก่อน ต้องระบุในที่นี้ด้วยว่าเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าและเบากว่านั้นถูกกว่าในการบำรุงรักษา เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าและหนักกว่า ด้วยยานพาหนะประเภทต่างๆ มากมายให้เลือก การใช้เวลาของคุณและค้นหาสิ่งที่คุณต้องการในรถก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้ายจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ให้รู้สึกว่า “ใช่” และ “คุ้มค่า” ที่สุด

    ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
    เวปไซด์ automotive-story.com