
การดำเนินการเรื่องทะเบียน ถ้าเป็นกลุ่มรถยนต์ป้ายแดงจะระบุเรื่องสีออกมาชัดเจนว่าเป็นสีอะไรบ้างตั้งแต่ผลิตมาจากโรงงานให้เลือกเลย หรือวันหนึ่งอยากเปลี่ยนสีขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนสีแล้วทำเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกตามกฎหมายที่กำหนดไว้ได้เลย หากใครเคยมีทะเบียนคู่มือรถไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถชนิดอื่นๆ ที่ต้องระบุสีรถในทะเบียนคู่มือรถ เรามาสังเกตกันเถอะว่ามีสีแบบไหนบ้างที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดไว้ ว่าแบบไหนที่เขาเรียกกันในทางภาษาทะเบียนบ้าง ซึ่งจะขออธิบายไว้ดังนี้

ลักษณะคำเรียกของสีที่ระบุในทะเบียนคู่มือรถ ทั้งในรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถแบบอื่นๆ ว่าจะเรียกสีอะไรบ้าง ซึ่งจะเรียกกันใน 3 แบบ เพื่อป้องกันการสับสน และต้องการกำหนดให้มันชัดเจนไปเลย ซึ่งการเรียกสีรถในทะเบียนคู่มือรถเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา เรียกได้ดังนี้
- รถสีเดียว ส่วนมากจะเป็นรถยนต์ที่สีพื้น ไม่ว่าจะเป็นสีโทนไหนก็ตาม ถ้าไม่มีสีอื่นผสมด้วย เช่น ถ้าหากเป็น Pearl White (สีขาวมุก) จะระบุเป็นสีขาวมุกไปเลย เพราะไม่มีสีอื่นผสมมาเลย หรือถ้าไปพ่นสีรถยนต์ให้เป็นอีกสีหนึ่งก็ให้ระบุสีใหม่ที่เปลี่ยนด้วย เช่น เปลี่ยนจากสีเทาลูนาร์ เป็นสีน้ำเงินคอสมิค ก็ให้ระบุเป็นสีน้ำเงินคอสมิคตามสีใหม่ที่เปลี่ยนทันที
- รถที่มีมากกว่าหนึ่งสี อาจจะเป็นสีขาวกับดำตัดกันแบบทูโทนจะเรียกว่า “สองสี” หรือสามสีเหมือนเลเยอร์ หรือสามสีแบบบัวลอย ก็ให้ระบุว่าเป็นรถ “สามสี” เพราะทางทะเบียนของขนส่งจะสับสนกลุ่มเจ้าของที่มีสีรถแบบนี้อยู่ด้วย เลยเรียกไปตามจำนวนสีรถที่ทำแทนเพื่อไม่ให้งง
- รถหลากสี รถยนต์บางคันอาจจะเป็นเลื่อมสลับสีบ้าง ทำเป็นลวดลาย ตัวการ์ตูนที่ทำแบบสีถาวรติดกับรถบ้าง แต่จะต้องแยกว่าการทำสีของรถหลากสีมีสีหลักหรือไม่ ถ้าระบุสีหลักได้ก็จะเรียกสีหลัก แล้วตามด้วยคำว่า “หลากสี” เช่น สีขาว หลากสี แต่ถ้าหาสีหลักไม่ได้ก็ระบุว่า “หลากสี” ได้ทันที

การทำสีรถยนต์ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรศึกษาไว้เสมอ เพื่อไม่ให้งุนงงกับกฎใหม่ที่ออกมาเพื่อสภาพรถของคุณ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำสีรถได้ แต่ตัวเองต้องไม่งงเรื่องสีที่ทำ กับต้องดำเนินการทำเรื่องเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วัน เพื่อไม่ให้ส่อไปในทางผิดกฎหมาย และระบุตัวเจ้าของรถจากลักษณะของสี เพื่อง่ายต่อการระบุเจ้าของ และในขณะเดียวกันยังใช้ได้ในยานพาหนะแทบทุกประเภทที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย
ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook