ส่องฤกษ์ออกรถ เดือนตุลาคม 2566 วันไหนมงคล วันไหนโชคปิด

ส่องฤกษ์ออกรถ เดือนตุลาคม 2566 วันไหนมงคล วันไหนโชคปิด

            ใครที่กำลังมีแพลนว่าจะถอยรถป้ายแดงคันใหม่ต้อนรับเดือนตุลาคม 2566 วันนี้เรามีฤกษ์ออกรถประจำเดือนมาแนะนำ จากหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เพราะเรื่องของการออกรถใหม่ หากเราไม่ดูฤกษ์วันในการซื้อให้ดี โอกาสความไม่มงคลก็อาจติดตัวไปกับดวงเราตลอด ดังนั้น เรามาเช็คกันดีกว่าว่าเดือนตุลาคม 2566 นี้ จะมีวันไหนที่มงคล วันไหนที่โชคปิดบ้าง

            การดูวันฤกษ์ออกรถมงคลของคนไทย นับเป็นอีกความเชื่อที่มีมานานแล้วจากรุ่นสู่รุ่น อนึ่งเพื่อความมงคลเป็นศรีแก่เจ้าของรถและความโชคดีตลอดการขับขี่ ที่ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคนไทย โดยฤกษ์วันมงคลของเดือนตุลาคม 2566 นี้จะมีวันไหนบ้าง ใครที่มีแผนจะซื้อรถเดือนนี้อยู่ สามารถลองเช็ควันมงคลได้เลยดังนี้

ฤกษ์ออกรถ เวลาดี เดือนตุลาคม 2566

• วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 06.09  – 08.39 น.

• วันอังคารที่ 10 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 13.39  – 15.09 น.

• วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 09.19  – 10.48 น.

• วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 06.01  – 09.19 น.

• วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 : เวลาดี ตั้งแต่ 13.13  – 15.36 น.

ฤกษ์ออกรถ ตามวันเกิด เดือนตุลาคม 2566

            • เกิดวันจันทร์ : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันอาทิตย์

• เกิดวันอังคาร : ต้องออกรถวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันจันทร์

            • เกิดวันพุธ กลางวัน : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันอังคาร

            • เกิดวันพุธ กลางคืน : ต้องออกรถวันจันทร์ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันพฤหัสบดี

            • เกิดวันพฤหัสบดี : ต้องออกรถวันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันเสาร์

            • เกิดวันศุกร์ : ต้องออกรถวันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ / ไม่ควรออกรถวันพุธ กลางคืน

            • เกิดวันเสาร์ : ต้องออกรถวันจันทร์ / ไม่ควรออกรถวันพุธ กลางวัน

• เกิดวันอาทิตย์ : ต้องออกรถวันจันทร์ และวันพุธ / ไม่ควรออกรถวันศุกร์

และทั้งหมดนี้ก็คือฤกษ์ออกรถประจำเดือนตุลาคม 2566 ที่เราหยิบยกมานำเสนอกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมีแพลนถอยรถป้ายแดง ขอแนะนำให้ใจเย็นๆ และกำเงินของคุณไว้ให้แน่น แล้วลองเช็คดูวันฤกษ์มงคลเหล่านี้ให้ดี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

รูปภาพ

time.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เปลี่ยนสีรถเป็นอีกสีหนึ่ง…จะมีปัญหาไหม

เปลี่ยนสีรถเป็นอีกสีหนึ่ง...จะมีปัญหาไหม

                การเลือกซื้อรถในปัจจุบันแน่นอนว่าเราได้รุ่นรถที่ถูกใจ แต่ก็ถูกใจไม่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีรถที่ตนอยากได้สีนั้นแต่ไม่มีในรุ่นรถยนต์ที่ชอบเสียนี่ หรือมีความชอบที่จะทำรถแบบนี้ของตนเอง เลยไปร้านพ่นสีเป็นสีนั้นๆ เสียเลย ซึ่งความชอบของแต่ละคนอาจจะเป็นสีพื้นๆ โทนเดียว สองสี หรือสีที่หลากหลายเหมือนแฟนซี แต่ก็มีข้อถกเถียงเหมือนกันว่าจะมีปัญหาในเรื่องทะเบียนในภายหลังหรือไม่ แล้วถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราจะทำยังไงถ้าหากรถยนต์ไปเปลี่ยนสีเป็นสีที่ชอบหลังจากซื้อมา จะเกิดอะไรขึ้น แล้วจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ยังไงกัน

                การเปลี่ยนสีรถยนต์อยู่ที่ความชอบส่วนตัวมากกว่า แต่ต้องดูว่ามีความเหมาะสมต่อความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งเรื่องเปลี่ยนสีไม่ได้ร้ายแรงต่อการขับขี่แต่อย่างใด แต่การเปลี่ยนสีรถจะเป็นหนึ่งในการทำให้สภาพรถยนต์เปลี่ยนไปจากเดิม ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของรถ ซึ่งได้ดำเนินการพ่นสีรถยนต์เป็นอีกสีหนึ่งเรียบร้อย จะต้องมีหน้าที่ไปทำเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้าน เพื่อแจ้งต่อนายทะเบียน (ซึ่งสามารถไปแจ้งได้ไม่ว่าจะอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล หรือส่วนต่างจังหวัดที่ตนอยู่) โดยต้องแจ้งดำเนินการภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เริ่มดำเนินการเปลี่ยนสีรถยนต์ของตัวเองในช่วงเวลานั้น หากไม่ดำเนินการ ล่าช้า หรือเดินเรื่องเกินกำหนดที่สมควรแจ้ง เจ้าของรถยนต์ หรือเป็นเจ้าของโดยมีทะเบียนระบุชื่อของตนชัดเจนจะมีความผิดตามกฎหมายกรมการขนส่งทางบกในมาตราที่ 60 โดยจะเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท

  • เอกสารที่ควรเตรียมสำหรับดำเนินเรื่องเปลี่ยนสีรถยนต์ ให้เตรียมใบคู่มือจดทะเบียนรถที่เป็นชื่อของตนเอง สำเนาบัตรประชาชนพร้อมตัวจริง และหลักฐานการเปลี่ยนสีรถยนต์ เช่น รูปถ่ายสีเดิมของรถยนต์ ใบเสร็จจากอู่สำหรับค่าจ้างทำสีรถยนต์ (ยกเว้นสีคาดหรือแถบคาดไม่นับว่าเป็นสีจริงของรถยนต์ ในส่วนนี้ไม่ต้องแจ้งเลย ให้แจ้งในกรณีเปลี่ยนสีถาวร)
  • ขั้นตอนดำเนินการจะเสร็จเร็วกว่าสอบใบขับขี่มาก โดยจะต้องยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถยนต์ของตนเองเข้ามาตรวจสอบ ยื่นตรวจสอบเพื่อตรวจรถยนต์ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน จากนั้นชำระค่าธรรมเนียมในการทำทะเบียน แล้วรอรับกลับบ้านได้เลย ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียม 50 บาท ค่าดำเนินการตรวจสอบ 50 บาท และค่าคำขอ 5 บาท

                การเปลี่ยนสีรถยนต์จะต้องดูที่รุ่นรถยนต์เป็นหลักว่า ถ้าจะพ่นสีในรถยนต์รุ่นนี้ราคากี่บาท ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว มันไม่มีปัญหาเลย หากแจ้งภายใน 7 วันจะช่วยประหยัดค่าปรับไปได้เร็วเลยล่ะ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับใครดำเนินเรื่องเพื่อทำสีที่ตนชื่นชอบ ในขณะเดียวกันรถจักรยานยนต์ก็สามารถทำเรื่องเปลี่ยนสีรถจักรยานยนต์ได้เช่นกัน

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สิ่งของไม่ควรลืมไว้ในรถยนต์

สิ่งของไม่ควรลืมไว้ในรถยนต์

          รถยนต์ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายของมนุษย์ที่ใช้ในการเดินทาง ความปลอดภัยในการขับขี่รถบนท้องถนนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เชื่อไหมว่า สิ่งของบางสิ่งอย่างๆที่คุณชอบนำขึ้นรถและลืมทิ้งไว้  อาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นควรเช็ดความเรียบร้อยทุกครั้งก่อนการขับขี่หรือลงจากรถยนต์ ครั้งนี้เราจึงนำเกร็ดสาระ มาฝากว่า อะไรบ้างที่เป็นสิ่งไม่ควรทิ้งไว้ในรถ เพราะอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ที่ขับขี่หรือต่อรถยนต์ได้ ไปดูกันว่าอะไรเป็นสิ่งต้องห้ามบ้าง

            1.แบตเตอรี่สำรอง เป็นสิ่งที่สาวๆทุกคนต้องมีติดตัวตลอด เพ่อไว้สำรองสำหรับการใช้มือถือ แต่ทราบหรือว่าไม่ว่าแบตเตอรี่สำรองมีความไวต่อปฏิกิริยาเคมี ห้ามเจอความร้อนสูงอาจทำให้เกิดการลัดวงจรและเกิดการลุกไหม้ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่จะลงจากรถจึงไม่ควรลืมทิ้งไว้ในรถ

            2.โทรศัพท์มือถือ นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าเมื่อใดที่เกิดความร้อน จะทำให้ลงจรภายในโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย แบตเตอรี่อาจเกิดการระเบิดได้ ดังนั้นอย่าได้ลืมโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในรถ ทางที่ดีควรพกติดตัวไว้จะดีกว่า

            3.ไฟแช็ค ถ้าลืมไว้ในรถถือเป็นอันตรายอีกอย่าง เพราะถ้าไฟแช็คได้รับความร้อนที่อุณหภูมิเกิน 50 องศาเซลเซียส อาจทำให้แก๊สขยายตัวเกิดเชื้อเพลิงของเหลวในไฟแช็ค ทำให้เกิดระเบิดได้

            คำว่าไฟแช็ค พี่น้ำเช็คแล้วว่าสะกดแบบนี้ หรือ ไฟแชค ไม่มี ไม้ไต่คู้ก็ได้นะคะ

4.กระป๋องสเปรย์ทุกประเภท เพราะกระป๋องสเปรย์เมื่อถูกความร้อนสูงอาจทำให้วัตถุทางเคมีและแก๊สในกระป๋องขยายตัวจนเกิดประกายไฟและการระเบิด สร้างความเสียหายไม่ใช่น้อย

            5.แผ่นยางกันลื่นสำหรับมือถือ หากเกินความร้อนเป็นเวลานานจะทำให้ละลายติดกับตัวรถเกิดความเสียหายได้

            6.ยาและครีมกันแดด ถ้าจะนำของสองอย่างนี้ขึ้นรถ ควรเก็บไว้ให้พ้นจากแสงแดด และบริเวณที่ร้อน เพราะจะทำให้ตัวยาและประสิทธิภาพของครีมกันแดดเสื่อมสภาพลงไม่ได้ผลในการรักษาและการกันแดด

            7.น้ำหอมปรับอากาศ เพราะน้ำหอมปรับอากาศ เมื่อได้รับความร้อนสูงอาจก่อให้เกิดการละลายเปรอะเปื้อนแผงคอนโซน และหากไม่ได้ทำความสะอาดทันทีจะทำให้เกิดคราบ รอยด่างที่แก้ไม่ได้

            8.เครื่องสำอาง   เครื่องสำอาง  เป็นสิ่งที่ไม่ควรทิ้งไว้ในรถยนต์ เพราะหากโดนความร้อนเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ครีมเสื่อมประสิทธิภาพ ลดอายุการใช้งาน ไหลละลาย เปรอะเปื้อนรถยนต์ ลิปสติกแท่งโปรดเกิดการเสียหาย ได้ใช้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมา

            9.ขวดน้ำดื่มที่ได้รับจากการเติมน้ำมัน เพราะสมัยนี้ไม่ว่าจะเติมน้ำมันหรือเติมแก๊สของค่ายพลังงานค่ายไหน ก็มักจะได้รับน้ำดื่มเป็นของสมนาคุณตามโปรโมชั่นของแต่ละค่าย ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อได้รับขวดน้ำดื่มก็จะให้เจ้าหน้าผู้เติมน้ำมันเขาขวดน้ำดื่มของแถมเปิดประตูไว้ที่เบาะหรือพื้นด้านหลังคนขับ ซึ่งจะเกิดอันตายเป็นอย่างมากหากขวดน้ำไหลกลิ้งมาที่บริเวณคันเบรก หรือคันเร่งด้านหน้าของคนขับ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิด ทางที่ดี ควรหาตะกร้าวางไว้ที่เบาะด้านหลังเพื่อเป็นที่สำหรับวางขวดน้ำจะปลอดภัยกว่ามาก

            และทั้งหมดที่นำมาบอกคือสิ่งของที่ไม่ควรลืมทิ้งไว้ในรถ เพราะมีแต่ความเสียหาย และก่อให้เกิดอันตรายอย่างไม่คาดคิดได้ ควรตรวจดูสิ่งของเหล่านี้ทุกครั้งก่อนลงจากรถจะได้ ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ไฟหน้ารถยนต์เหลือง วิธีทำให้ไฟหน้ากลับมาใสเหมือนใหม่

ไฟหน้ารถยนต์เหลือง วิธีทำให้ไฟหน้ากลับมาใสเหมือนใหม่

          วันนี้เอาเทคนิคการแก้ไข่ไฟหน้ารถเหลืองให้กลับมาใสกิ๊กเหมือนใหม่ด้วยงบประมาณ 10 บาท ถ้าไม่เชื่อว่างบ 10 บาททำไดจริงต้องลองตามมาพิสูจน์กันว่า คุณไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่คุณจะได้รถใหม่ จะจริงอย่างที่บอกหรือไม่ไปดูกันเลย

          อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่เป็นเคล็ดลับของเทคนิคนี้คือ กระดาษทรายเบอร์ 1,000 เพราะกระดาษทรายเบอร์1,000 จะทำให้ผิวสัมผัสละเอียดที่สุด เราจะขับเฉพาะสิ่งที่เหลืองคราบของเลคเกอร์ออกไป แล้วเราก็จะเสริมเลคเกอร์เข้าไปอีกครั้ง การขัดวิธีนี้ เราไม่ได้เอาเนื้อผิวของกระจก หรือพลาสติกออกไปทำให้ไฟหน้ารถเสียหาย มาดูวิธีทำกัน

          อุปกรณ์

ภาพประกอบที่ 3,4,5

          1.กระดาษทรายเบอร์ 1,000

            2.น้ำยาขัดยาบ

            3.น้ำยาขัดลบรอยและขัดเงาสีรถ

            4.ผ้าสะอาด 4-5 ผืน

            5.ฟองน้ำใหม่สะอาด

            6.น้ำเปล่า 1 ถัง

วิธีทำ

          1เปิดฝากระโปรงหน้ารถขึ้น แล้วใช้เทปกาวปิดที่ขอบไฟของรถให้รอบ จากนั้นใช้น้ำเช็ดในส่วนของดวงไฟ 1 รอบ

            2.นำกระดาษทรายเบอร์ 1,000 จุ่มน้ำและขัดดวงไฟแบบวนกลมๆเหมือนก้นหอย โดยเริ่มจากไฟดวงใหญ่ก่อน แล้วจึงมาขัดไฟดวงเล็ก

          3.เมื่อใช้กระดาษทรายเบอร์ 1,000 ขัดดวงไฟจนทั่วแล้ว ให้นำน้ำยาขีดหยาบ มาขัดวนเป็นก้นหอยซ้ำอีกทีโดยขัดตอนนี้ห้ามโดนน้ำอย่างเด็ดขาด

ภาพประกอบที่ 6

            4.ใช้ผ้าสะอาดขัดน้ำยาขัดหยาบออกให้เกลี้ยง

            5.บีบน้ำยาขัดลบรอยและขัดเงาสีรถใส่ฟองน้ำที่แห้งและสะอาดเพื่อทำการขัดขาว ( ระวังอย่าให้น้ายาขัดหยาบและน้ำยาขัดเงาผสมกันเพราะไฟจะหมอง )

          6.จากนั้นนำฟองน้ำที่มีน้ำยาขัดเงาแล้วเช็ดวนเป็นก้อนหอยที่ดวงไฟให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าสะอาดอีกผืนเช็ดวนเป็นก้นหอยอีกครั้ง เสร็จแล้วจึงแกะเทปกาวที่ติดขอบดวงไฟออกเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับเทคนิคการแก้ไขไฟเหลืองเป็นไฟดวงใหม่ที่ใสปิ๊ง โดยไม่ต้องไปเข้าขัดที่ศูนย์ ทำแงได้ด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อย

            การทำให้ไฟฟน้ารถใสอยู่เสมอ นอกจากจะทำหใรถดูใหม่ สวยงามแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการสร้างทัศนวิสัยที่ดีในการขับรถโดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพราะหากหวงไฟเหลืองจะทำให้ไฟที่ส่องสว่างผ่านดวงไป จะไม่เกิดความสว่างได้เต็มร้อย จะทำให้ผู้ขับขี่เกิดความกังวล เพราะทัศนวิสัยไม่ดี มองไม่ชัด อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจงหมั่นดูแลไฟรถของคุณให้ใสอยู่เสมอ ด้วยเคล็ดลับง่ายๆที่นำมาฝาก ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดเงินในกระเป๋า เพราะคุณทำเองได้

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สปอยเลอร์รถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร แล้วมีแบบไหนบ้าง

สปอยเลอร์รถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร แล้วมีแบบไหนบ้าง

        เป็นอีกหนึ่งชุดแต่งที่เรียกได้ว่ายอดนิยมมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าตัวชุดแต่งแบบนี้มีประโยชน์กับรถยนต์ของเราด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่การติดแบบเผินๆแน่นอน  ซึ่งใครหลายคนอาจจะไม่เข้าใจ รวมไปถึงผู้ที่ซื้อรถยนต์บางท่านก็อาจจะเข้าใจผิดสำหรับการแต่งสปอยเลอร์ด้วย วันนี้เราจะมาดูข้อดีของชุดแต่งนี้กัน รวมไปถึงประเภทของมันด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร ไปดูกันเลยครับ

ประโยชน์ของ สปอยเลอร์

           สำหรับประโยชน์ของ สปอยเลอร์ รถยนต์นั้น ไม่ได้มีเอาไว้แค่แต่งเอาสวย หรือ เอาเท่เพียงอย่างเดียว แต่เจ้านี่สามารถที่จะเพิ่มแรงกดในส่วนท้ายของรถยนต์ ทำให้รถยนต์ของเรายึดเกาะถนนได้ดีขึ้น รถนิ่งขึ้น  ไม่เกิดอาการเหิน หรือ แกว่งขณะขับรถยนต์ด้วยความเร็วนั่นเอง ตัว สปอยเลอร์จะส่งผลได้ดีในเวลาที่เราขับรถยนต์ด้วยความเร็วนั่นเอง

            แน่นอนว่าเมื่อเราขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง จะเกิดแรงยกที่จะกระทำกับตัวรถยนต์ ทำให้การยึดเกาะถนนนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพ เวลาที่เราขับจะรู้สึกได้เลยว่ารถของเราร่อนไปร่อนมา โดยเฉพาะช่วงเลี้ยวโค้ง ท้ายรถอาจจะปัดได้ แต่เมื่อติดตั้งสปอยเลอร์แล้วนั้น จะช่วยเพิ่มแรงกดนนี้ให้กับตัวรถ ทำให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีขึ้น

วัสดุแบบไหน ทำ สปอยเลอร์ ได้บ้าง

              วัสดุที่นิยมนำมาทำสปอยเลอร์นั้นมีด้วยกัน 3 ประเภท นั่นก็คือ ไฟเบอร์,คาร์บอนไฟเบอร์ รวมทั้ง พลาสติก ABS / PU โดยวัสดุชิ้นแรกที่จะพูดถึงก็คือ “ไฟเบอร์” มีข้อดีอยู่ที่ ราคาไม่สูง มีแบบให้เลือกมากมาย ข้อเสียก็มีช่วงผิวที่ไม่เรียบ การทำสีให้สวยก็ต้องใช้ข่างที่มีฝีมือพอสมควร

              ในส่วนของ “คาร์บอนไฟเบอร์” จะมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา สวยงาม แต่มีข้อเสียในด้านราคาที่ค่อนข้างจะสูง กว่าแบบ ไฟเบอร์ และสุดท้ายอย่าง “พลาสติก ABS” มีความแข็งแรงทนทาน ทำสีได้ง่าย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นวัสดุที่ดีที่สุดเลยทีเดียว

เลือก สปอยเลอร์แบบไหนดี

              ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากว่าคุณซื้อรถยนต์ใหม่ มักจะมีชุดแต่งจากรถป้ายแดงแถมมาให้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างกันของสปอยเลอร์จากศูนย์บริการ ก็อาจจะใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของความชอบส่วนตัว ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมว่า ต้องการเปลี่ยนตัวชุดแต่งหรือไม่ อีกทั้งนิสัยของผู้ขับขี่ว่า จะขับเร็ว หรือ ขับในเมือง หรือ จะแต่งรถยนต์เอาสวย ก็ขึ้นอยู่กับ เงินในกระเป๋า และ รสนิยมของคุณนั่นเอง

               ข้อแตกต่างที่อาจจะได้เห็นของการใช้ชุดแต่งสปอยเลอร์ ก็คือ การแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าของรถยนต์ แต่ทว่าอีกส่วนก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ประโยชน์ในการขับขี่ ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการขับที่ดีมากขึ้นด้วย  และ ทั้งหมดนี้คือ ความสำคัญของการแต่งรถด้วย “สปอยเลอร์”

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีการถนอมเกียร์รถออโต้ทำอย่างไรไม่ให้เกียร์ของคุณพังไว 

วิธีการถนอมเกียร์รถออโต้ทำอย่างไรไม่ให้เกียร์ของคุณพังไว 

เกียร์รถออโต้นั้นถือได้ว่าเป็นความพิเศษสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งมีเทคโนโลยีหลายอย่างอยู่ข้างใน และยังมีระบบในการช่วยทำให้คุณขับรถได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าหากคุณเข้าใจหลักการการใช้งานของเกียร์ออโต้ คุณจะขับรถได้ง่าย และสบายมากยิ่งขึ้นแถมยังสามารถช่วยดูแลรถของคุณไม่ให้เกียรติพังหรือสึกหรอได้ง่ายอีกด้วย อ่านมาถึงจุดนี้หลายคนเริ่มสนใจใช่ไหมว่าเกียร์ออโต้นั้นทำความเข้าใจยังไง เราไปรู้จักพร้อมกัน 

1. วิธีการใช้เกียร์ออโต้ถอยหลังอย่างมืออาชีพ 

สำหรับคนที่ใช้เกียร์ออโต้เป็นประจำ หลายคนที่ใช้รถยนต์ที่ต้องการขับถอยหลังเพื่อเข้าซอง หรือต้องการเพื่อที่จะขยับรถคันหลังเล็กน้อย ขอแนะนำให้คุณจอดรถให้สนิทก่อนในช่วงแรก หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ D แล้วค่อยไปเถอะเป็นเกียร์ r หลังจากรถจอดนิ่งสนิท ด้วยวิธีนี้จะทำให้เกียร์ของคุณนั้นถูกถนอมการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับเกลี้ยงออโต้ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ชุดเกียร์ของคุณไม่พังง่ายอย่างแน่นอน 

2. คอนโทรลเกียร์ว่างเสมอ ก่อนที่จะเคลื่อนที่ 

เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ชุดเกียร์ของคุณนั้นแข็งแรง และทนทาน ใช้งานได้หลายสิบปี คือการเข้าใจหลักการการใช้งานเกียร์อย่างถูกต้อง ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนเกียร์ไปใช้งานในรูปแบบอื่น ขอแนะนำให้คุณอยู่ในช่องเกียร์ว่างอยู่เสมอ นั่นก็คือตัว N เพราะในบางครั้งอาจจะมีน้ำมันหล่อลื่นอยู่ในชุดเกียร์ที่ยังไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ชุดเกียร์คุณเสียหายเร็วมากยิ่งขึ้นกับรถบางรุ่น วิธีการเข้าสู่ระบบเกียร์ว่างก่อนออกตัวทุกครั้ง จะสามารถช่วยทำให้เกียร์คุณนั้นแข็งแรง และป้องกันการสึกหรอได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

 

3. พยายามอย่าขับรถลากเกียร์ 

ความสามารถของออโต้นั้นมีประโยชน์หลากหลายด้านโดยเฉพาะการขับรถที่สะดวก และสบาย แต่ในบางครั้งอาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนนั้นหลงลืม และขับรถลากเกียร์ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะเกียร์โหมดพิเศษอย่างเช่น Sport หรือแรลลี่ โหมดในรูปแบบนี้สร้างความเพลิดเพลินได้ก็จริง แต่ไม่ควรจะขับลากเกียร์ยาวจนเกินไป คุณควรจะเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมทุกครั้งในการขับขี่ สามารถช่วยทำให้ 

ชุดเฟืองเกียร์ของคุณนั้นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดอัตราการเสียหายการสึกหรอในอนาคตได้ยิ่งกว่าเดิม 

การใช้เกียร์ และการขับขี่ที่ถูกต้องสำหรับคนที่ชื่นชอบใช้รถในการเดินทางโดยเฉพาะรถเกียร์ออโต้ และหลาย ๆ คนก็คงจะกลัวว่าชุดเกียร์จะพง ถ้าหากคุณใช้งานตามหลักการของโรงงาน และหลักการของนักขับมืออาชีพ ที่ได้นำเสนอไป รับรองได้เลยว่าเกียร์รถคุณนั้นจะอยู่ไปอีกนาน และก็อย่าลืมบำรุงรักษาประจำปีด้วยล่ะขอขอบคุณ 

ขอขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

จอดรถตากแดดนานๆ ควรทำอย่างไร

จอดรถตากแดดนานๆ ควรทำอย่างไร

          ครั้งนี้นำสาระเกี่ยวกับการดูแลรถที่ต้องจอดตากแดดบ่อยๆ หรือนานๆ มาฝากกันว่าถ้ารถยนต์ของคุณหลีกเลี่ยงการเจอความร้อนจากแสงแดดไม่ได้ คุณจะมีวิธีดูแลง่ายๆกันอย่างไร เพื่อไม่ให้รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานที่สั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ไปดูกันเลย

  1. ต้องติดฟิล์มกรองแสง

ในการเลือกฟิล์มกรองแสง ความเข้าใจผิดที่ว่ายิ่งดำยิ่งดีนั้นไม่

ถูกต้อง เพราะค่าของความสว่างของแสงที่ส่องเข้ามามันน้อยก็จริง แต่คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงที่ดีต้องสามารถป้องกันรังสียูวีได้ ต้องมีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนเป็นหลัก นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณา ฟิล์มกรองแสงราคากลางๆและใช้ได้ก็คือ 3M แต่ถ้าแพงๆดีๆเลยก็ยี่ห้อ V-COOL  และอีกยี่ห้อก็คือ ลามีน่า ซึ่งต้องเลือกรุ่น เลือกเกรดดีๆ เพราะบางร้านที่รับติดอาจไม่ได้มีทุกเกรด ไม่ได้มีทุกรุ่น แต่ถ้าด้วยเงื่อนไขของราคากลางก็ 3 M

            2.โดนแรงต้องๆต้องดูแลเรื่องพื้นผิว เรื่องสีของรถมากหน่อย หมั่นล้างขัด เคลือบทั้งภายนอกภายในบ่อยๆ อย่าปล่อยไว้นานๆแล้วค่อยทำ อย่างน้อยควรทำปีละสองครั้งในส่วนของการขัด เคลือบ แต่ในแต่ละเดือนควรล้างรถอย่างน้อยเดือนละครั้ง   และถ้าล้างรถเองที่บ้านแนะนำให้แยกผ้าที่ใช้เช็ดรถเป็น 3 ผืน ผืนแรกเช็ดช่วงล่าง ล้อรถ ชายด้านล่างที่เศษหิน เศษสกปรกติด ผ้าผืนที่สอง เช็ดในส่วนที่เหลือตั้งแต่หลังคาจนลงมาถึงครึ่งบานประตู ผ้าผืนที่สามแยกไว้เช็ดภายใน

3.หาอุปกรณ์บังแดดที่มีคุณภาพดีป้องกันความร้อนได้ ช่วยในการทำงานของฟิล์มกรองแสงอีกระดับหนึ่ง

            4.ผ้าคลุมรถ ไม่จำเป็นต้องคลุมทุกวัน ถ้าจอดนานเป็นสัปดาห์ขึ้นไปการใช้ผ้าคลุมรถก็ควรใช้ แต่ก่อนใช้ควรล้างรถให้สะอาดเสียก่อน และผ้าคลุมรถต้องมั่นใจว่าสะอาด

            5.ใบปัดน้ำฝน จอดรถตากแดดนานๆไม่ต้องยกใบปัดน้ำฝนขึ้น แต่ให้ทำความสะอาดตรงคลีบใบปัดน้ำฝนให้สะอาด ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างจานเพื่อเศษสิ่งสกปรกออก เมื่อเวลารูดกับกระจกจะได้ไม่เป็นรอย

            6.หลีกเลี่ยงการเอาวัตถุอันตราย อาทิ ไฟแช็ค กระป๋องอัดแก๊สประเภทต่างๆ เช่นสเปรย์ดับกลิ่น สเปรย์ฉีดผม อย่าเอาเก็บไว้ในรถที่ตากแดด เพราะเป็นอันตรายมาก

            7.ตรวจเช็คน้ำกลั่นแบตเตอรี่  น้ำในหม้อน้ำว่ายังมีระดับที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะความร้อนจะทำให้ของเหลวเหล่านี้ระเหยออกไปได้ ของเหลวในส่วนต่างๆที่เกี่ยวกับรถสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย

            8.เรื่องของยางรถยนต์ จอดตากแดดนานๆ บ่อยๆ ต้องหมั่นตรวจเช็คแรงดันลมยาง  เพราะอากาศร้อนมีส่วนทำให้โครงสร้างยางเสื่อมและเสียหายได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็คก่อนขับขี่รถยนต์

            ทั้งหมดเป็นหลักการดูแลรถง่ายๆ ถ้ารถของคุณต้องตากแดดนานๆ หรือ จอดตากแดดกลางแจ้ง หมั่นใส่ใจและดูแลตามหลักง่ายๆอย่างที่บอก รถของคุณก็ยืดอายุการใช้งานได้ไปอีกนาน

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

          วันนี้เราจะมาสรุปรายการอุปกรณีฉุกเฉิน 10 อย่างที่ต้องมีติดรถยนต์ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในวันที่ต้องเดินทางไกลกัน

          1.น้ำสะอาด เหตุผลที่ต้องมีน้ำสะอาด เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่ารถเรา จะไปจอดเสีย หรือความร้อนขึ้นที่ไหน ดังนั้นเราควรมีน้ำสะอาดเตรียมไว้ อย่างน้อยๆสัก 2 ลิตร ดังนั้นอย่าชะล่าใจว่า หาซื้อที่ไหนก็ได้ ใครที่เคยเจอประสบการณ์ที่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวจะเข้าใจและเห็นด้วยที่สุด

          2.ถุงมือผ้า หนาๆ จำเป็นมากในกรณีที่รถมีปัญหา แล้วคุณต้องเปิดฝากระโปรงรถ หรือเปิดฝาเติมน้ำเพื่อเติมลดความร้อนของรถ หรือไปโดนส่วนไหนของห้องเครื่องที่ร้อนมาก จนทำให้มือเราบาดเจ็บ ถุงมือผ้าจึงสมควรมีไว้ยามฉุกเฉิน

          3.ตัวรัดพลาสติก ตัวรัดพลาสติก หรือที่เราเรียกว่า Cable Tie บอกเลยว่าเวลาที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันช่วยได้มาก ไม่ว่าอะไรหลุดอะไรรั่ว มันช่วยได้อย่างดี โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับเทปพันสายไฟ ที่จะช่วยให้น้ำ หรือน้ำมันที่รั่วเบาลง เพื่อจะมีเวลาเดินทางไปถึงอู่ซ่อมได้

          4.ชุดเครื่องมือช่างเบื้องต้น ถึงคุณจะซ่อมไม่เป็นแต่เผื่อว่ามีคนมาช่วยคุณเขาก็ต้องการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาที่มีน้ำใจ และพอจะมีความรู้เรื่องช่างเขาก็จะช่วยคุณได้อย่างดี ถ้าคุณมีอุปกรณ์พื้นฐานเตรียมพร้อมไว้

          5.ไฟฉาย เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถติดตัวไว้เป็นพื้นฐาน เพราะจะช่วยเราได้มากโดยเฉพาะในการที่เกิดปัญหายามค่ำคืน  เพราะความสว่างย่อมดีกว่าความมืด แม้จะเป็นการส่องดูเครื่องยนต์เพื่อซ่อม หรือการส่องสว่างสำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว บางคนบอกว่า ไฟฉายมือถือก็ใช้ได้ แต่ความเป็นจริงแล้วไฟฉายที่เป็นไฟฉายจริงๆจะให้ความสว่างกว่า และนายามฉุกเฉินคุณก็ควรจะประหยัดแบตเตอรี่ของมือถือไว้ติดต่อสื่อสารจะดีกว่า และการถือไฟฉายจะทำให้รถคันอื่นมองเห็นว่ารถเราเสียอยู่ ทำให้รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ ลดการเกิดอุบัติเหตุเพราะมองไม่เห็นได้ด้วย

          6.สายพ่วงแบตเตอรี่ จำเป็นมากๆ โดยเฉพาะรถที่เป็นเกียร์ AUTO ซึ่งมันลากไม่ได้ เข็นกระตุกเพื่อให้เครื่องติดก็ทำไม่ได้ และคุณก็ไม่รู้ว่าแบตเตอรี่คุณมันจะมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีมีคนผ่านมาช่วยเหลือ แต่เขาไม่มีสายพ่วง เขาก็จะช่วยคุณไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด

          7.แม่แรง แบบสะพาน ประแจขันน็อตล้อ 3 อย่างนี้ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ควรมีติดรถไว้ เพราะเราไม่รู้ว่ายางจะรั่วตอนไหน จะแตกตอนไหน ถึงจะเป็นยางใหม่ก็อย่าไว้ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหา

          8.ยางอะไหล่ รถคันไหนไม่มีติดมาให้ แนะนำให้ขอเป็นของแถมตอนไปซื้อรถ รวมถึงชุดแม่แรงด้วย ถึงเปลี่ยนเองไม่ได้อย่างน้อยคนอื่นก็ยังช่วยคุณได้ อันนี้สำคัญจริงๆนะ อย่าได้วางใจพวกสเปรย์ปะยางทั้งหลายมากเกินไป

          9.สายลากรถ  สายลากรถก็เป็นอีกรายการที่สำคัญ โดยเฉพาะกับรถเกียร์ประปุก หรือเกียร์ธรรมดา ส่วนรถออโต้ ที่ลากไม่ได้ก็ควรจะมีเบอร์ฉุกเฉินของรถยกติดไว้ เพราะไม่สามารถลากได้

          10.เครื่องหมายสะท้อนแสง เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปลอดภัย สำหรับรถที่จอดเสีย ควรมีป้ายวางเตือนให้รถที่วิ่งผ่านมาข้างทางได้มองเห็น เพื่อจะได้ไม่เกิดการเฉี่ยวชน จนเกิดความเสียหาย

          และทั้งหมด 10 รายการที่คุณควรจะมีติดรถไว้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินทางไกลก็ควรมีติดไว้ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

ขึ้นชื่อว่า รถยนต์มือสอง แปลว่าได้ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์มือสองในช่วงนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องดูจากอะไรหรือเช็คตรงไหนบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง เพื่อให้แน่ใจและป้องกันความผิดพลาดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะมีวิธีการดูอย่างไรบ้างนั้น ตามเรามาเช็คกันเลย

1. เช็คสภาพภายนอก

สภาพภายนอกตัวรถเป็นจุดที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ควรเริ่มจากตรวจสอบริ้วรอยหรือรอยบุบต่างๆ และสังเกตความสม่ำเสมอของสี นอกจากนี้ก็ควรเปิดฝากระโปรงรถทั้งหน้าและหลัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของตัวถังว่ายังมีสภาพสมบูรณ์หรือไม่

2. เช็คสภาพภายใน

ต่อมาตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ เช่น ระบบการแสดงผล, ระบบไฟต่างๆ, วิทยุ, เซ็นทรัลล็อก, กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่

3. เช็คเลขไมล์

ส่วนใหญ่ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองมักจะชอบดูที่เลขไมล์น้อยๆ เพราะแปลว่ารถยนต์คันนั้นได้มีการใช้งานมาได้ไม่นาน แต่ก็ต้องดูรุ่นรถและปีที่ออกรถด้วยว่าสอดคล้องกันหรือไม่

4. เช็คเครื่องยนต์

จุดนี้จะต้องมีความละเอียดมากกว่าจุดอื่นๆ เริ่มจากลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่าปกติหรือไม่ รอบเดินมีอาการสั่นหรือไม่ แต่ถ้าให้ชัวร์ควรหาช่างชำนาญการมาเป็นผู้ช่วยดูและตรวจสอบให้อีกครั้ง

5. เช็คช่วงล่าง

ส่วนใหญ่ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ในช่วงล่างนั้นจะต้องมีการยกตัวรถขึ้น ดังนั้นหากจะใช้วิธีนี้ในการดูด้วยตนเองคงไม่สะดวก จึงควรสอบถามทางผู้ขายถึงสภาพของรถ ก่อนที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คอีกครั้งหลังการซื้อขาย

6. เช็คประวัติการซ่อม

เราสามารถเช็คได้โดยการนำหมายเลขทะเบียนรถ หรือหมายเลขตัวถังไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ ก็สามารถรู้ได้ว่ารถเข้าเช็คระยะตามกำหนดหรือไม่ และมีการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใดไปบ้าง

7. ทดลองขับ

วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ที่ดีที่สุดก็คือ การทดลองขับ เพราะจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆ ในขณะขับว่ารถยนต์ยังอยู่ดีมีสภาพการใช้งานที่ปกติดีหรือไม่

8. เช็คเอกสารประจำตัวรถยนต์

ที่ห้ามลืมเลยก็คือ เอกสารประจำตัวรถยนต์หรือเล่มทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์คันที่นั้นได้ถูกครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ เช็คเลขตัวถังรถว่าตรงกับสมุดคู่มือและมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้มาก่อนแล้วบ้าง

และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากอยากให้ชัวร์ก็ควรมีช่างชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้มาช่วยตรวจสอบก็จะละเอียดขึ้น เพื่อความรอบคอบและป้องกันความผิดพลาดในภายหลังนั่นเอง

รูปภาพประกอบ : chobrod.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ในอนาคตโลกเราจะต้องเจอกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนนี้หลาย ๆ ฝ่ายและหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนเท่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ตลาดประเทศนั้นเริ่มดำเนินการก็คือการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้านั่นเอง เพราะว่าน้ำมันถือว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปและแถมยังเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ในอนาคตการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีความจำเป็นที่ต้องมีปั๊มชาร์จไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์แทนที่ปั๊มน้ำมันนั่นเองซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าการเติมน้ำมันไปในรถยนต์ที่ขับอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันนี้ ดังนั้นนอกจากความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งสถานีชาร์จให้ได้มากที่สุดแล้วยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สถานีชาร์จนั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะชาร์จไฟให้กับรถยนต์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดด้วย

ภาพจาก Pixabay

ซึ่งในตอนนี้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มมีการพัฒนาสถานีชาร์จด้วยเช่นเดียวกันตัวอย่างเช่นบริษัท Tesla ที่เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ก็พัฒนาสถานีชาร์จรุ่น “Supercharge” ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงถึง 250 KWs ซึ่งก็มีความเร็วในการชาร์จที่สูงมากแต่ว่าก็ยังไม่ใช่เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราความเร็วในการชาร์จสูงสุดนั้นเป็นของบริษัท ABB ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ABB นั้นมี นั้นมีอัตราการชาร์จไฟฟ้าสูงถึง 360 KWs ซึ่งสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มโดยใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีหรือก็คือสามารถชาร์จไฟให้รถยนต์วิ่งได้ถึง 62 ไมล์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 นาที

โดยทางบริษัท ABB ได้มีการประกาศเรื่องสถานีชาร์จเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนที่ผ่าน โดยให้ชื่อสถานีชาร์จที่มีความเร็วที่สุดในโลกมีว่า “Terra 360” โดยจะมีการเปิดในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้และจะกระจาย Terra 360 ไปทั่วทั้งโลกภายในปีหน้า

ภาพจาก Pixabay

เมื่อทั้งโลกมีความต้องการที่เหมือนกันและรถยนต์ไฟฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะเป็นยานพาหนะที่จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต ดังนั้นการผลิตสถานีชาร์จให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กับการผลิตรถยนต์เลยทีเดียวเพราะถ้าหากว่าสถานีชาร์จมีไม่เพียงพอการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็เป็นเรื่องยากด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet , การเงินธนาคาร

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook