อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

          วันนี้เราจะมาสรุปรายการอุปกรณีฉุกเฉิน 10 อย่างที่ต้องมีติดรถยนต์ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในวันที่ต้องเดินทางไกลกัน

          1.น้ำสะอาด เหตุผลที่ต้องมีน้ำสะอาด เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่ารถเรา จะไปจอดเสีย หรือความร้อนขึ้นที่ไหน ดังนั้นเราควรมีน้ำสะอาดเตรียมไว้ อย่างน้อยๆสัก 2 ลิตร ดังนั้นอย่าชะล่าใจว่า หาซื้อที่ไหนก็ได้ ใครที่เคยเจอประสบการณ์ที่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวจะเข้าใจและเห็นด้วยที่สุด

          2.ถุงมือผ้า หนาๆ จำเป็นมากในกรณีที่รถมีปัญหา แล้วคุณต้องเปิดฝากระโปรงรถ หรือเปิดฝาเติมน้ำเพื่อเติมลดความร้อนของรถ หรือไปโดนส่วนไหนของห้องเครื่องที่ร้อนมาก จนทำให้มือเราบาดเจ็บ ถุงมือผ้าจึงสมควรมีไว้ยามฉุกเฉิน

          3.ตัวรัดพลาสติก ตัวรัดพลาสติก หรือที่เราเรียกว่า Cable Tie บอกเลยว่าเวลาที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันช่วยได้มาก ไม่ว่าอะไรหลุดอะไรรั่ว มันช่วยได้อย่างดี โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับเทปพันสายไฟ ที่จะช่วยให้น้ำ หรือน้ำมันที่รั่วเบาลง เพื่อจะมีเวลาเดินทางไปถึงอู่ซ่อมได้

          4.ชุดเครื่องมือช่างเบื้องต้น ถึงคุณจะซ่อมไม่เป็นแต่เผื่อว่ามีคนมาช่วยคุณเขาก็ต้องการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาที่มีน้ำใจ และพอจะมีความรู้เรื่องช่างเขาก็จะช่วยคุณได้อย่างดี ถ้าคุณมีอุปกรณ์พื้นฐานเตรียมพร้อมไว้

          5.ไฟฉาย เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถติดตัวไว้เป็นพื้นฐาน เพราะจะช่วยเราได้มากโดยเฉพาะในการที่เกิดปัญหายามค่ำคืน  เพราะความสว่างย่อมดีกว่าความมืด แม้จะเป็นการส่องดูเครื่องยนต์เพื่อซ่อม หรือการส่องสว่างสำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว บางคนบอกว่า ไฟฉายมือถือก็ใช้ได้ แต่ความเป็นจริงแล้วไฟฉายที่เป็นไฟฉายจริงๆจะให้ความสว่างกว่า และนายามฉุกเฉินคุณก็ควรจะประหยัดแบตเตอรี่ของมือถือไว้ติดต่อสื่อสารจะดีกว่า และการถือไฟฉายจะทำให้รถคันอื่นมองเห็นว่ารถเราเสียอยู่ ทำให้รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ ลดการเกิดอุบัติเหตุเพราะมองไม่เห็นได้ด้วย

          6.สายพ่วงแบตเตอรี่ จำเป็นมากๆ โดยเฉพาะรถที่เป็นเกียร์ AUTO ซึ่งมันลากไม่ได้ เข็นกระตุกเพื่อให้เครื่องติดก็ทำไม่ได้ และคุณก็ไม่รู้ว่าแบตเตอรี่คุณมันจะมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีมีคนผ่านมาช่วยเหลือ แต่เขาไม่มีสายพ่วง เขาก็จะช่วยคุณไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด

          7.แม่แรง แบบสะพาน ประแจขันน็อตล้อ 3 อย่างนี้ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ควรมีติดรถไว้ เพราะเราไม่รู้ว่ายางจะรั่วตอนไหน จะแตกตอนไหน ถึงจะเป็นยางใหม่ก็อย่าไว้ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหา

          8.ยางอะไหล่ รถคันไหนไม่มีติดมาให้ แนะนำให้ขอเป็นของแถมตอนไปซื้อรถ รวมถึงชุดแม่แรงด้วย ถึงเปลี่ยนเองไม่ได้อย่างน้อยคนอื่นก็ยังช่วยคุณได้ อันนี้สำคัญจริงๆนะ อย่าได้วางใจพวกสเปรย์ปะยางทั้งหลายมากเกินไป

          9.สายลากรถ  สายลากรถก็เป็นอีกรายการที่สำคัญ โดยเฉพาะกับรถเกียร์ประปุก หรือเกียร์ธรรมดา ส่วนรถออโต้ ที่ลากไม่ได้ก็ควรจะมีเบอร์ฉุกเฉินของรถยกติดไว้ เพราะไม่สามารถลากได้

          10.เครื่องหมายสะท้อนแสง เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปลอดภัย สำหรับรถที่จอดเสีย ควรมีป้ายวางเตือนให้รถที่วิ่งผ่านมาข้างทางได้มองเห็น เพื่อจะได้ไม่เกิดการเฉี่ยวชน จนเกิดความเสียหาย

          และทั้งหมด 10 รายการที่คุณควรจะมีติดรถไว้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินทางไกลก็ควรมีติดไว้ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

ขึ้นชื่อว่า รถยนต์มือสอง แปลว่าได้ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์มือสองในช่วงนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องดูจากอะไรหรือเช็คตรงไหนบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง เพื่อให้แน่ใจและป้องกันความผิดพลาดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะมีวิธีการดูอย่างไรบ้างนั้น ตามเรามาเช็คกันเลย

1. เช็คสภาพภายนอก

สภาพภายนอกตัวรถเป็นจุดที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ควรเริ่มจากตรวจสอบริ้วรอยหรือรอยบุบต่างๆ และสังเกตความสม่ำเสมอของสี นอกจากนี้ก็ควรเปิดฝากระโปรงรถทั้งหน้าและหลัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของตัวถังว่ายังมีสภาพสมบูรณ์หรือไม่

2. เช็คสภาพภายใน

ต่อมาตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ เช่น ระบบการแสดงผล, ระบบไฟต่างๆ, วิทยุ, เซ็นทรัลล็อก, กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่

3. เช็คเลขไมล์

ส่วนใหญ่ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองมักจะชอบดูที่เลขไมล์น้อยๆ เพราะแปลว่ารถยนต์คันนั้นได้มีการใช้งานมาได้ไม่นาน แต่ก็ต้องดูรุ่นรถและปีที่ออกรถด้วยว่าสอดคล้องกันหรือไม่

4. เช็คเครื่องยนต์

จุดนี้จะต้องมีความละเอียดมากกว่าจุดอื่นๆ เริ่มจากลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่าปกติหรือไม่ รอบเดินมีอาการสั่นหรือไม่ แต่ถ้าให้ชัวร์ควรหาช่างชำนาญการมาเป็นผู้ช่วยดูและตรวจสอบให้อีกครั้ง

5. เช็คช่วงล่าง

ส่วนใหญ่ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ในช่วงล่างนั้นจะต้องมีการยกตัวรถขึ้น ดังนั้นหากจะใช้วิธีนี้ในการดูด้วยตนเองคงไม่สะดวก จึงควรสอบถามทางผู้ขายถึงสภาพของรถ ก่อนที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คอีกครั้งหลังการซื้อขาย

6. เช็คประวัติการซ่อม

เราสามารถเช็คได้โดยการนำหมายเลขทะเบียนรถ หรือหมายเลขตัวถังไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ ก็สามารถรู้ได้ว่ารถเข้าเช็คระยะตามกำหนดหรือไม่ และมีการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใดไปบ้าง

7. ทดลองขับ

วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ที่ดีที่สุดก็คือ การทดลองขับ เพราะจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆ ในขณะขับว่ารถยนต์ยังอยู่ดีมีสภาพการใช้งานที่ปกติดีหรือไม่

8. เช็คเอกสารประจำตัวรถยนต์

ที่ห้ามลืมเลยก็คือ เอกสารประจำตัวรถยนต์หรือเล่มทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์คันที่นั้นได้ถูกครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ เช็คเลขตัวถังรถว่าตรงกับสมุดคู่มือและมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้มาก่อนแล้วบ้าง

และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากอยากให้ชัวร์ก็ควรมีช่างชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้มาช่วยตรวจสอบก็จะละเอียดขึ้น เพื่อความรอบคอบและป้องกันความผิดพลาดในภายหลังนั่นเอง

รูปภาพประกอบ : chobrod.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ในอนาคตโลกเราจะต้องเจอกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนนี้หลาย ๆ ฝ่ายและหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนเท่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ตลาดประเทศนั้นเริ่มดำเนินการก็คือการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้านั่นเอง เพราะว่าน้ำมันถือว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปและแถมยังเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ในอนาคตการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีความจำเป็นที่ต้องมีปั๊มชาร์จไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์แทนที่ปั๊มน้ำมันนั่นเองซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าการเติมน้ำมันไปในรถยนต์ที่ขับอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันนี้ ดังนั้นนอกจากความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งสถานีชาร์จให้ได้มากที่สุดแล้วยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สถานีชาร์จนั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะชาร์จไฟให้กับรถยนต์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดด้วย

ภาพจาก Pixabay

ซึ่งในตอนนี้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มมีการพัฒนาสถานีชาร์จด้วยเช่นเดียวกันตัวอย่างเช่นบริษัท Tesla ที่เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ก็พัฒนาสถานีชาร์จรุ่น “Supercharge” ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงถึง 250 KWs ซึ่งก็มีความเร็วในการชาร์จที่สูงมากแต่ว่าก็ยังไม่ใช่เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราความเร็วในการชาร์จสูงสุดนั้นเป็นของบริษัท ABB ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ABB นั้นมี นั้นมีอัตราการชาร์จไฟฟ้าสูงถึง 360 KWs ซึ่งสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มโดยใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีหรือก็คือสามารถชาร์จไฟให้รถยนต์วิ่งได้ถึง 62 ไมล์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 นาที

โดยทางบริษัท ABB ได้มีการประกาศเรื่องสถานีชาร์จเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนที่ผ่าน โดยให้ชื่อสถานีชาร์จที่มีความเร็วที่สุดในโลกมีว่า “Terra 360” โดยจะมีการเปิดในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้และจะกระจาย Terra 360 ไปทั่วทั้งโลกภายในปีหน้า

ภาพจาก Pixabay

เมื่อทั้งโลกมีความต้องการที่เหมือนกันและรถยนต์ไฟฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะเป็นยานพาหนะที่จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต ดังนั้นการผลิตสถานีชาร์จให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กับการผลิตรถยนต์เลยทีเดียวเพราะถ้าหากว่าสถานีชาร์จมีไม่เพียงพอการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็เป็นเรื่องยากด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet , การเงินธนาคาร

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

Volvo จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030

ในปัจจุบันนี้โลกของเรานั้นได้ร้อนขึ้นอยู่ในทุก ๆ ปีและคนทั่วทั้งโลกก็กำลังเริ่มที่จะตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่ต้องร่วมช่วยกันแก้ปัญหา และเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็มีความสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้ด้วยเช่นเดียวกัน ปัญหาโลกร้อนนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้ ขยะ และ อื่น ๆ และหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ก็คือรถยนต์ไฟฟ้า

Cr.Pexels

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่นั้นเริ่มที่จะมาใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนแทนน้ำมันที่เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแถมยังเป็นทรัพยากรที่เมื่อนำมาใช้แล้วยังทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทผลิตรถยนต์กำลังที่จะเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยที่เราเห็นกันแล้วก็คงจะเป็นบริษัท Tesla ของอีลอน มัสก์ ที่ได้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ใช้แล้วในปัจจุบัน และอีก 1 บริษัทที่กำลังเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คือบริษัท Volvo

Cr.Pixabay

Volvo เป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและมีผู้นิยมใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้ซึ่งทางบริษัทนั้นมีแผนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 เหลืออีกประมาณ 10 ปีข้างหน้านี้ และทาง Volvo เองก็เชื่อว่าจะตอบสนองต่อผู้บริโภคได้หลายยังเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย และเมื่อเปลี่ยนรถยนต์ใช้พลังงานน้ำมันเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว Volvo ตัดสินใจที่จะเดินลงทุนในการทำตลาดออนไลน์มากขึ้นให้เหมือนกับบริษัทเทสล่าที่ขายรถยนต์ทางออนไลน์ เมื่อบริษัทรถยนต์รายใหญ่นั้นเริ่มทำการเปลี่ยนรถยนต์จากรถยนต์ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ใช้ไฟฟ้าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันก็กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนให้ลดลงให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนแล้วยังลดต้นทุนอีกด้วยเพราะมีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นจะมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

Cr.Pixabay

เทคโนโลยียานยนต์เป็นเทคโนโลยีแรก ๆ ที่มีการผลิตเพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อนและในอนาคตที่โลกมีความก้าวล้ำไปมากกว่านี้คงมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวที่เป็นปัญหาระดับโลก

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

เมื่อพูดถึงประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกครั้งที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและทางด้านประชากรในทวีปเอเชียก็คงจะนึกถึงประเทศจีนเป็นอันดับแรก ๆ เลย ด้วยความที่เป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรเป็นจำนวนมากทำให้ประเทศจีนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาสภาวะทางด้านการจราจร โดยประเทศจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาใหญ่ของโลกอย่างปัญหาภาวะโลกร้อนทำให้ประเทศจีนนั้นเริ่มมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น

Cr.Pixabay

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV ได้ร่วมมือกับบริษัทของอเมริกาอย่าง General Motor ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศจีนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกร้อนโดยรถยนต์ไฟฟ้าของทางบริษัทดังกล่าวนั้นจะมีขนาดที่เล็กเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในประเทศจีน โดยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนี้มีราคาถูกแถมใช้สะดวกสบายอีกด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรถขนาดเล็กทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ประชากรชาวจีน โดยทำยอดขายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วไปถึง 24,000คัน  และตัวรถยนต์สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 100Km/Hr

Cr.Wikipedia

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV มีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปในต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้ประเทศจีนนั้นมีแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายที่มากแถมราคายังมีราคาที่ถูกอีกด้วยและทางรัฐบาลเองก็มีการผลักดันให้ประเทศจีนเป็นผู้นำทางด้านกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท The Hong Guang Mini EV ในประเทศจีนยังมียอดขายสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Cr.Pixabay

จากการที่มีรถยนต์ไฟฟ้าถูกผลิตอย่างมากในปัจจุบันทำให้เราสามารถบ่งบอกได้ว่าในอนาคตนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนและรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าน้ำมันอย่างมาก โดยอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำมันนั้นเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแต่ทรัพยากรไฟฟ้านั้นสามารถผลิตขึ้นได้จากช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้นในอนาคตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่นอนเลย

ข้อมูลจาก BBC และ Autodeft

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เผย 4 เคล็ดลับการยืดอายุยางรถยนต์ใช้ยางได้นาน

เผย 4 เคล็ดลับการยืดอายุยางรถยนต์ใช้ยางได้นาน

ยางรถยนต์นับได้ว่าเป็นวัตถุเพียงสิ่งเดียวบนรถของคุณที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง คุณคงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคุณต้องใส่ใจเป็นพิเศษจริงไหม ยางรถยนต์นั้นจะมีอายุการใช้งานอยู่ประมาณ 2 ปีในยุคปัจจุบัน

ในบางครั้งคุณอาจจะอยากให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ขับไปไหน เราจึงอยากจะแนะนำวิธีการยืดอายุยางรถยนต์ของคุณให้ใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิม ด้วยการดูแลเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอนในการใช้ยางรถยนต์เส้นเดิมของคุณในปัจจุบัน 

1. วิธีการป้องกันปัญหายางรถยนต์เสียหายอย่างรวดเร็ว 

นั่นก็คือคุณไม่ควรที่จะขับเร็วมากจนเกินไป และพยายามลดการเบรกกระชั้นชิด ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะทำให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยถนอมยางรถยนต์ของคุณได้อีกด้วย 

2. คุณควรหมั่นตรวจเช็คลมยางเป็นประจำ 

แรงดันในลมยาง ทำให้รถของคุณนั้นประหยัดน้ำมัน และช่วยถนอมยางรถยนต์ของคุณ เราไม่สามารถปฏิเสธได้หรอกว่าถ้าหากคุณเติมลมยางอย่างเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ของคุณได้มากยิ่งกว่าเดิม และนอกจากนี้คุณควรจะตรวจเช็คลมยางสำหรับล้อรถสำรองด้วยนะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างทันท่วงที 

3 ยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ของคุณด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 

ถ้าหากคุณต้องการให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นมีการสัมผัสกับพื้นถนนอย่างถูกต้อง ขอแนะนำให้คุณนั้นใช้วิธีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนี่แหละเป็นวิธีการที่ดีที่สุด จะมีประโยชน์หลายด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้าน 

  • ความปลอดภัยของตัวคุณ ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างมาก 
  •  
  • การบังคับทิศทางรถยนต์ได้ง่ายมากขึ้น มีประโยชน์มากสำหรับการขับรถในช่วงเวลาฝนตก 
  • ลดความเสี่ยงการสึกหรอของยางรถยนต์อย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างถูกต้อง คุณก็จะสามารถช่วยลดอันตรายต่อการขับขี่ได้เป็นอย่างมาก 

แน่นอนว่ามีประโยชน์หลายด้านขนาดนี้ อยากให้คุณดูแลยางรถยนต์โดยวิธีนี้เลย

4. ควรเลือกลายยางที่เหมาะสมกับรถของคุณ และการใช้งาน 

ข้อมูลก็ตามนั้นเลยถ้าคุณเลือกลายยางที่เหมาะสมกับรถของคุณ สามารถทำให้คุณนั้นประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการเปลี่ยนยางได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากใครใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางลึก จะสามารถช่วยทำให้คุณนั้นใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น มีประโยชน์ในการใช้งาน และการยึดเกาะถนนในระยะยาว 

เห็นไหมว่าการดูแลยางรถยนต์ เพื่อยืดอายุให้นานมากยิ่งขึ้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และถ้าหากคุณใช้แล้วประสบความสำเร็จ อยากให้คุณแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ให้กับคนที่คุณรู้จักด้วย จะได้ช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่ายางรถยนต์ของคุณ ถ้าคุณนำ 4 วิธีนี้ไปใช้รับรองได้เลยว่าจะต้องทำให้ยางรถยนต์ของคุณนั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ขอขอบคุณภาพประกอบบทความโดย pixabay

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ตามรอย Cruella จากรถ Panther De Ville รถยนต์สุดคลาสสิกจากแดนผู้ดี

ตามรอย Cruella จากรถ Panther De Ville รถยนต์สุดคลาสสิกจากแดนผู้ดี

                หากจะพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง Cruella ซึ่งเคยปรากฏตัวในการ์ตูน Disney เรื่อง Dalmatians 101 หลายปีก่อนจะนำมาสร้างเป็นตัวละครเดินเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนั้น เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่ฉีกความเป็นตัวร้ายมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งส่วนมากตัวร้ายจะมีปูมหลังที่น่าสงสารก่อนที่จะมาร้าย แต่นี่ไม่เลย Cruella เป็นตัวละครที่ได้มาจากความทะเยอทะยาน แต่แฝงไว้ความบ้าระห่ำ ดูแพงสมราคาความเป็นผู้ดีจริงๆ ซึ่ง Cruella เป็นตัวละครที่ผู้เขียนชอบมากเลยนะ แต่กลัรู้สึกสะดุดตาตรงที่รถยนต์ประจำตัวของ Cruella นี่แหล่ะ จะว่าไปก็เก๋ดีนะ แต่เรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ของ Cruella กันเถอะว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยไหน แล้วในปัจจุบันยังมีอยู่ไหมนะ

                รถยนต์ที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Cruella ก็คือ Panther De Ville เป็นรถยนต์ที่เรียกว่าคลาสสิกสไตล์นีโอคลาสสิกที่ผลิตโดย Panther Westwinds ผู้ผลิตชาวอังกฤษตั้งแต่ปี 1974 ถึง 1985 De Ville ถูกคิดโดย Robert Jankel เพื่อดึงดูดรสชาติความคลาสสิก การตอบโจทย์ของลูกค้าที่ร่ำรวยในยุคนั้น (ใครมีรถยนต์กลุ่มนี้เรียกได้ว่าหรูเอาเรื่องเลยนะ และต้องเงินหนักมากๆ ระดับความหรูหราเทียบได้กับ Porsche, Mercedez-Benz และ BMW ในยุคนั้นเลย) De Villes ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงงานฝีมือ รวมถึงดีไซน์รถยนต์แบบเปิดประทุนสองประตูสิบเอ็ดคู่ (เป็นเวลาหลายปีที่รถผลิตรุ่นนี้ได้จดทะเบียนเป็นที่แพงที่สุดของสหราชอาณาจักร) ด้วยฐานล้อ 142 นิ้ว (3,600 มม.) De Ville

ตัวกรอบท่อใช้เครื่องยนต์ตรงหกหรือเครื่องยนต์ V12 จาก Jaguar Cars เส้นปีกที่ไหลและไฟหน้าใหญ่ของ De Ville มีสไตล์เลียนแบบ Bugatti Royale คล้ายๆ กับพกห้องนักบินไว้ใน De Ville นั้นทันสมัยมากๆ นอกจากนี้รถยนต์ Panther De Ville ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบจากัวร์ พวงมาลัยพาวเวอร์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้นจึงเป็นรถที่ขับง่ายและค่อนข้างเร็ว แม้ว่าอากาศพลศาสตร์ที่ไม่ดีมีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่รักษาความเร็วสูงสุดให้ต่ำลงได้นุ่มนวลมาก การตกแต่งภายในนั้นหรูหราและบางคันมักมีทีวีและบาร์เครื่องดื่ม (ซึ่งถ้าได้ดู Cruella ในเวอร์ชันก่อนๆ จะมีตรงนี้ด้วย) ประตูของ Panther De Ville ได้รับการตกแต่งมาจากรถครอบครัว BMC 1800 อีกด้วยนะ

                เป็นที่น่าเสียดายมาก เมื่อรถยนต์ Panther De Ville ไม่ผลิตอีกแล้วตั้งแต่ปี 1985 นับเป็นว่า 30 ปีแล้วที่รถยนต์รุ่นนี้ไม่ผลิตออกมาอีกเลยนับตั้งแต่ผลิตออกมา แต่ก็กลายเป็นแม่แบบของรถที่ใช้ในการถ่ายทำเรื่อง Cruella ได้เป็นอย่างดี แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องโชคดีหากเราได้กลับมาดู Cruella ที่กำลังจะเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 จะรู้เลยว่ารถยนต์ดีไซน์แบบนี้มีเสน่ห์แบบร่วมสมัยจริงๆ เลยล่ะ

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

สำหรับผู้ที่รักรถยนต์แล้วละก็ต้องรู้อย่างพลาดไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับทุกคน เพราะวันนี้จะเป็นเคล็ดลับในการถนอม และดูแลสีสันรถยนต์อันเป็นที่รักของคุณให้แลดูสดสวยตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นการชะลอความหม่นหมอง ที่เกิดขึ้นตามสภาพอากาศ และกาลเวลา เมื่อคุณดูแลรักษาได้ไม่ดีพอ สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ในสีสัน ที่สดใสบาดใจต้องเชิญทางนี้เลย

1. เมื่อเกิด ความสกปรก อย่าปล่อยให้เวลายืดเยื้อเกินเลยจนเกินไป

เรื่องดังกล่าวนี้จะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะทุกท่านเชื่อไหมว่าฝุ่น หรือโคลนตลอดจน คราบต่าง ๆ ที่มีมาติดบนรถของคุณนั้น สิ่งเหล่านี้จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ง่ายเป็นที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาแลคเกอร์ของรถยนต์ที่เคลือบในสีรอบคันค่อย ๆ เกิดการเสื่อมสภาพ ขาดความมันวาว

 โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ถ้าหากจะทำความสะอาดคราบติดแน่นที่มีอยู่ ก็ควรที่จะใช้ ผ้าชุบน้ำเช็ดด้วยความระมัดระวัง ในกรณีที่คุณไม่มีเวลาว่าง ทำความสะอาดเป็นประจำนั่นเอง

2. ต้องมีร่ม เงาให้รถเราอยู่

สำหรับเมืองไทยแล้ว ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าที่นี่เป็นเมืองร้อน ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่คล้ายกับทะเลทรายก็ตามที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการทำลายความสดใสแห่งสีสันรถยนต์ของเรา ให้มีความซีด หมองหม่นไปได้อย่างรวดเร็วระดับหนึ่งเลยล่ะ โดยถ้าหากว่าเป็นรถที่มีการจอดไว้ กลางแจ้ง ตลอดวันตลอดคืนเป็นประจำ ปรากฏการณ์น้ำค้างเป็นพิษ ก็จะสามารถทำให้เป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นต้นตอปัญหาของการเกิดสีซีดด่าง ดังนั้น ถ้าจะให้ดีควรจะมีที่จอดรถ หรือร่มเงาให้รถของเรานั้นมีความสวยงาม สีสันสด ๆ ยาวๆ ไป

3. ดูแลรักษาอย่างดี โดยล้างอย่างพอประมาณ

เพราะในบางครั้งเราไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าคาร์แคร์ หรือสถานที่ที่เรานำรถไปล้าง ตลอดจนน้ำยาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จะมีความเป็นกรด หรือด่างมากเพียงใด และนี่ก็อาจจะเป็นปัญหาหลักที่ทำให้รถของคุณนั้นขาดความเงางาม และถ้าร้ายไปกว่านั้นความสดใสของสีก็อาจจะจางหายไปในเร็ววันอีกด้วย ดังนั้นถ้าจะล้างก็ขอให้ทิ้งระยะ เพราะถ้าความสกปรกมีไม่มาก แค่การปัดฝุ่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

4. ปกป้องด้วยการเคลือบสี เพื่อให้ความสวย อยู่คงทน

สำหรับขั้นตอนนี้นับว่าเป็นพระเอกของท้องเรื่อง เพราะว่าถ้าคุณอยากจะดูแล สีสันของรถคู่ใจให้คงอยู่ไปนาน ๆ  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่จะต้องเปลี่ยนสีใหม่ หรืออีกหลายปัญหาก็ตามแต่ การเคลือบสีให้เงางาม นั้นต้องเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพื่อเป้าหมายของความงดงามสวยสดนั้นคงทน ยาวนานขึ้นเป็นยิ่งนัก ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเผลอหลงรัก รถเราด้วยเป็นแน่แท้

 สรุป

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของสีรถยนต์ และมีความต้องการความคงทนถาวรของสีให้อยู่ยาว ๆ ไป ขั้นตอนนี้ก็เป็นวิธีการที่จะทำให้รถที่คุณรัก นั้นมีสีสันสดสวยอยู่กับคุณเสมอยาวแบบ ยาว ๆ  โดยไม่จำเป็นที่จะต้อง ดูแลในขั้นตอนที่ซับซ้อนยากเย็นแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ นี้คุณสามารถดูแลได้ด้วยมือคุณเองอีกด้วย ในขั้นตอนง่าย ๆ กับประโยชน์อนันต์ ลองเลยแล้วคุณจะรู้

ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เรื่องแบตเตอรี่กับสิ่งที่คุณควรต้องรู้

เรื่องแบตเตอรี่กับสิ่งที่คุณควรต้องรู้

สิ่งที่ต้องมีอยู่ในรถยนต์ของคุณนั้นก็คือแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่ในปัจจุบันก็มีหน้าที่ ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าในการสตาร์ทรถ และการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเพื่อจะเอาไว้ใช้ภายในรถยนต์ของคุณ ซึ่งต้องบอกเลยว่านาทีนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าหากไม่มีแบตเตอรี่หรือพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ในรถ คุณก็จะสตาร์ทรถไม่ติดตั้งแต่แรกนั่นเอง แต่คุณเชื่อไหมว่าหลายคนนั้นที่ใช้รถเป็นประจำไม่รู้จักว่าช่วงเวลาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เหมาะสมนั้นคือช่วงไหน โดยเฉพาะคนไทยต้องบอกเลยว่าแปลกมาก เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการดูแบตเตอรี่ของคุณว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยังด้วยการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ 

สำหรับใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำแล้วไม่เคยสังเกตว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นอายุประมาณเท่าไหร่ ขอแนะนำให้คุณลองพิจารณาช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะการใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมแบบไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีปัญหาหรือไม่นั้นจะอยู่ช่วงเวลาประมาณ 1 – 5 เดือนจนถึงช่วงเวลา 2 ปีประมาณนี้ ซึ่งถ้าหากคุณนั้นอยู่ในช่วงหลักเกณฑ์ช่วงเวลาเหล่านี้เราก็ขอแนะนำให้คุณนั้นเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ บอกเลยว่าจะช่วยป้องกันปัญหารถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติดหรือระบบการทำงานรวนได้แบบง่าย ๆ วิธีเดียวเพียงแค่คุณเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่เท่านั้นเอง 

2.ระบบการทำงานระบบไฟฟ้าภายใน มีอาการแปรปรวน 

ระบบการทำงานในรถยนต์ของคุณเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าทำงานไม่เสถียร สิ่งนี้สามารถบ่งบอกได้เลยว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นน่าจะเริ่มมีปัญหาแล้ว ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะทดสอบว่ามันเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ คุณลองใช้อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างภายในรถดูที่เป็นไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกระจกไฟฟ้า วิทยุ เครื่องเสียงหรือว่าจะเป็นทางด้านที่จุดบุหรี่ แน่นอนว่าถ้าสิ่งของทั้งหมดนี้ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็แสดงว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นเริ่มมีปัญหา ขอแนะนำให้คุณนั้นเปลี่ยนใหม่โดยทันทีอันนี้ดีที่สุดเลย 

3. สตาร์ทรถเริ่มจะไม่ติด 

นี่น่าจะเรียกได้ว่าอาการหนักที่สุดแล้ว สำหรับที่จะทำให้คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์สักครั้งนั่นก็คืออาการนี้ สำหรับใครที่มีปัญหาทางด้านการสตาร์ทไม่ติดเป็นประจำ ในบางครั้งอาจจะเกิดจากปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว คุณควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หรือถ้าหากไม่แน่ใจจริง ๆ ขอแนะนำให้พบช่างที่ศูนย์จะได้ตรวจสอบภายใน เพื่อที่จะได้ป้องกันการเสียเงินจากค่าแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่ไม่จำเป็นอันนี้ก็ขอแนะนำเลย 

สรุปวิธีการสังเกตแบตเตอรี่ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยัง 

ข้อมูลเหล่านี้สามารถทำให้ใครหลาย ๆ คนที่คิดอยากจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ก็คงจะตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และถ้าหากคุณนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร ก็อย่าลืมบอกคนที่คุณรู้จักด้วยนะ วิธีการเหล่านี้ได้ผลจริง ซึ่งวิธีการเหล่านี้นั้นเป็นข้อมูลจากทางศูนย์รถยนต์โดยตรง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก  https://pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Canoo เตือนอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะนำ EV ออกสู่ตลาดยานยนต์

Canoo เตือนอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะนำ EV ออกสู่ตลาดยานยนต์

                รายได้ในไตรมาสแรกของ Canoo แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังเผาผลาญงบประมาณ ไม่มีรายรับในระยะสั้น และคำเตือนว่าบริษัทอาจไม่มีเงินเพียงพอที่จะทำธุรกิจต่อไป หุ้นของ Canoo ซึ่งร่วงลง 5% เมื่อวันอังคาร ร่วงลงอีก 17.5% ในการซื้อขายหลังตลาดหลังการเปิดเผยผลประกอบการ มันฟื้นตัวแล้วและตอนนี้ลดลงมากกว่า 11% Canoo มีประวัติที่วุ่นวายและสั้น การออกแบบรถยนต์ของบริษัท ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2019 ได้รับการยกย่องและทำให้เป็นสตาร์ทอัพ EV ที่คึกคัก เมื่อเดือนที่แล้ว NASA ยังเลือก Canoo ให้สร้างยานพาหนะขนส่งลูกเรือภาคพื้นดินสำหรับโครงการสำรวจอวกาศของ Artemis

แต่ Canoo ยังประสบปัญหาและข้อขัดแย้งมากมาย รวมถึงละครภายใน การออกจากผู้ก่อตั้งร่วม ปัญหาทางกฎหมาย การสอบสวนของ SEC และความล่าช้าในการผลิต รายงานรายได้ล่าสุดนี้วาดภาพที่น่ากลัวมากขึ้นสำหรับอนาคตของ Canoo การเริ่มต้นของ EV ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ได้ยื่นฟ้องต่อหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ในความพยายามที่จะเรียกคืนผลกำไร 61 ล้านดอลลาร์จากการซื้อขายหุ้นที่น่าสงสัยซึ่งถูกกล่าวหาว่าปิดตัวลงด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 104.9 ล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่า บริษัท ซึ่งขณะนี้ไม่มีรายได้ ถูกเผาผลาญไปประมาณ 120 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ ผลขาดทุนสุทธิของ Canoo อยู่ที่ 125.4 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 15.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยมีเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมการดำเนินงานรวม 120.3 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 53.9 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 “แผนธุรกิจของเราต้องการเงินทุนจำนวนมาก” อ่าน การยื่นข้อบังคับจาก Canoo “หากเราไม่สามารถหาเงินทุนเพียงพอหรือไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ เราจะไม่สามารถดำเนินการตามแผนธุรกิจของเรา และอาจจำเป็นต้องยุติหรือจำกัดการดำเนินงานของเราอย่างมีนัยสำคัญและโอกาสของเรา สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานอาจเป็นสาระสำคัญ

ได้รับผลกระทบ” Canoo ประกาศในเดือนสิงหาคม 2020 ว่าได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับ Hennessy Capital Acquisition Corp. ซึ่งเป็นบริษัทจัดซื้อกิจการพิเศษ โดยมีมูลค่าตลาด 2.4 พันล้านดอลลาร์ ในขณะนั้น Canoo กล่าวว่าสามารถระดมทุน 300 ล้านดอลลาร์ในการลงทุนภาคเอกชนในตราสารทุนสาธารณะหรือ PIPE รวมถึงการลงทุนจากกองทุนและบัญชีที่จัดการโดย BlackRock

การลงทุน PIPE นั้นดูเหมือนจะยังไม่เกิดขึ้นจริง Canoo กล่าวระหว่างการโทรกับนักลงทุนเมื่อวันอังคารว่าคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ในตราสารทุนสาธารณะ (PIPE) ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการจะดำเนินไปในสัปดาห์นี้และ บริษัท ได้ยื่นฟ้อง 300 ล้านดอลลาร์สากล Tony Aquila ซีอีโอของ Canoo กล่าวว่าจำเป็นต้องใช้เงิน 600 ล้านดอลลาร์เพื่อเริ่มการผลิต แม้จะมีเงินที่ใกล้เข้ามานั้น Canoo ยังคงออกคำเตือน “ความกังวล” คุณสมบัติเกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่องหมายความว่าบริษัทอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอหรือไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันเมื่อถึงกำหนดชำระ ท่ามกลางกำหนดเส้นตายการผลิตอื่นๆ ที่ใกล้เข้ามา

รวมถึงการสั่งซื้อล่วงหน้ามากกว่า 17,500 รายการ Canoo กล่าวว่าจะส่งมอบโมเดลที่ปรับแต่งได้หลายรุ่นสำหรับ NASA ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ไลฟ์สไตล์ภายในเดือนมิถุนายน 2566 ข้อกังวลทางการเงินของ Canoo เรียกความสามารถของผู้ผลิต EV ที่จะตอบสนอง ความมุ่งมั่นที่เป็นปัญหา เมื่อนักลงทุนถามเกี่ยวกับแนวทางการผลิตสำหรับยานพาหนะของ NASA Aquila ได้หลบเลี่ยงโดยกล่าวว่าข้อมูลนั้นเป็นความลับ แต่ Canoo ให้ความสำคัญกับการสร้างโรงงานใน Bentonville รัฐอาร์คันซอ ซึ่งคาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ “20,000 คัน” สำหรับ Canoo, Aquila กล่าว

Canoo ประกาศก่อตั้งโรงงาน Bentonville เป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยกล่าวในขณะนั้นว่าจะเลื่อนการเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไลฟ์สไตล์จากต้นปี 2023 เป็นไตรมาสที่สี่ของปี 2022 คำแนะนำนั้นไม่ได้รับการปรับปรุงในระหว่างการเรียกรายได้ของวันอังคาร บางทีจุดสว่างเพียงจุดเดียวในรายรับของ Canoo ก็คือการได้รับเงิน 30.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยุติคดีกับ VDL Nedcar บริษัทผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ Canoo ได้ชำระเงินล่วงหน้าแก่ VDL Nedcar โดยเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาการผลิตรถยนต์เพื่อสร้าง “ไลฟ์สไตล์ EV” การเป็นหุ้นส่วนสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมเมื่อ Canoo สำรวจข้อตกลงใหม่กับ VDL Groep

Source : https://techcrunch.com/2022/05/10/canoo-warns-it-may-not-have-enough-funds-to-bring-evs-to-market/?cx_testId=6&cx_testVariant=cx_undefined&cx_artPos=1#cxrecs_s

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook