อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ 10 อย่างที่ต้องมีเมื่อเดินทางไกล

          วันนี้เราจะมาสรุปรายการอุปกรณีฉุกเฉิน 10 อย่างที่ต้องมีติดรถยนต์ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในวันที่ต้องเดินทางไกลกัน

          1.น้ำสะอาด เหตุผลที่ต้องมีน้ำสะอาด เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่ารถเรา จะไปจอดเสีย หรือความร้อนขึ้นที่ไหน ดังนั้นเราควรมีน้ำสะอาดเตรียมไว้ อย่างน้อยๆสัก 2 ลิตร ดังนั้นอย่าชะล่าใจว่า หาซื้อที่ไหนก็ได้ ใครที่เคยเจอประสบการณ์ที่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวจะเข้าใจและเห็นด้วยที่สุด

          2.ถุงมือผ้า หนาๆ จำเป็นมากในกรณีที่รถมีปัญหา แล้วคุณต้องเปิดฝากระโปรงรถ หรือเปิดฝาเติมน้ำเพื่อเติมลดความร้อนของรถ หรือไปโดนส่วนไหนของห้องเครื่องที่ร้อนมาก จนทำให้มือเราบาดเจ็บ ถุงมือผ้าจึงสมควรมีไว้ยามฉุกเฉิน

          3.ตัวรัดพลาสติก ตัวรัดพลาสติก หรือที่เราเรียกว่า Cable Tie บอกเลยว่าเวลาที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันช่วยได้มาก ไม่ว่าอะไรหลุดอะไรรั่ว มันช่วยได้อย่างดี โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับเทปพันสายไฟ ที่จะช่วยให้น้ำ หรือน้ำมันที่รั่วเบาลง เพื่อจะมีเวลาเดินทางไปถึงอู่ซ่อมได้

          4.ชุดเครื่องมือช่างเบื้องต้น ถึงคุณจะซ่อมไม่เป็นแต่เผื่อว่ามีคนมาช่วยคุณเขาก็ต้องการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาที่มีน้ำใจ และพอจะมีความรู้เรื่องช่างเขาก็จะช่วยคุณได้อย่างดี ถ้าคุณมีอุปกรณ์พื้นฐานเตรียมพร้อมไว้

          5.ไฟฉาย เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถติดตัวไว้เป็นพื้นฐาน เพราะจะช่วยเราได้มากโดยเฉพาะในการที่เกิดปัญหายามค่ำคืน  เพราะความสว่างย่อมดีกว่าความมืด แม้จะเป็นการส่องดูเครื่องยนต์เพื่อซ่อม หรือการส่องสว่างสำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว บางคนบอกว่า ไฟฉายมือถือก็ใช้ได้ แต่ความเป็นจริงแล้วไฟฉายที่เป็นไฟฉายจริงๆจะให้ความสว่างกว่า และนายามฉุกเฉินคุณก็ควรจะประหยัดแบตเตอรี่ของมือถือไว้ติดต่อสื่อสารจะดีกว่า และการถือไฟฉายจะทำให้รถคันอื่นมองเห็นว่ารถเราเสียอยู่ ทำให้รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ ลดการเกิดอุบัติเหตุเพราะมองไม่เห็นได้ด้วย

          6.สายพ่วงแบตเตอรี่ จำเป็นมากๆ โดยเฉพาะรถที่เป็นเกียร์ AUTO ซึ่งมันลากไม่ได้ เข็นกระตุกเพื่อให้เครื่องติดก็ทำไม่ได้ และคุณก็ไม่รู้ว่าแบตเตอรี่คุณมันจะมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีมีคนผ่านมาช่วยเหลือ แต่เขาไม่มีสายพ่วง เขาก็จะช่วยคุณไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด

          7.แม่แรง แบบสะพาน ประแจขันน็อตล้อ 3 อย่างนี้ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ก็ควรมีติดรถไว้ เพราะเราไม่รู้ว่ายางจะรั่วตอนไหน จะแตกตอนไหน ถึงจะเป็นยางใหม่ก็อย่าไว้ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหา

          8.ยางอะไหล่ รถคันไหนไม่มีติดมาให้ แนะนำให้ขอเป็นของแถมตอนไปซื้อรถ รวมถึงชุดแม่แรงด้วย ถึงเปลี่ยนเองไม่ได้อย่างน้อยคนอื่นก็ยังช่วยคุณได้ อันนี้สำคัญจริงๆนะ อย่าได้วางใจพวกสเปรย์ปะยางทั้งหลายมากเกินไป

          9.สายลากรถ  สายลากรถก็เป็นอีกรายการที่สำคัญ โดยเฉพาะกับรถเกียร์ประปุก หรือเกียร์ธรรมดา ส่วนรถออโต้ ที่ลากไม่ได้ก็ควรจะมีเบอร์ฉุกเฉินของรถยกติดไว้ เพราะไม่สามารถลากได้

          10.เครื่องหมายสะท้อนแสง เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปลอดภัย สำหรับรถที่จอดเสีย ควรมีป้ายวางเตือนให้รถที่วิ่งผ่านมาข้างทางได้มองเห็น เพื่อจะได้ไม่เกิดการเฉี่ยวชน จนเกิดความเสียหาย

          และทั้งหมด 10 รายการที่คุณควรจะมีติดรถไว้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินทางไกลก็ควรมีติดไว้ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

แจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อ

ขึ้นชื่อว่า รถยนต์มือสอง แปลว่าได้ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์มือสองในช่วงนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องดูจากอะไรหรือเช็คตรงไหนบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแจกทริค วิธีเช็ครถยนต์มือสอง เพื่อให้แน่ใจและป้องกันความผิดพลาดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะมีวิธีการดูอย่างไรบ้างนั้น ตามเรามาเช็คกันเลย

1. เช็คสภาพภายนอก

สภาพภายนอกตัวรถเป็นจุดที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ควรเริ่มจากตรวจสอบริ้วรอยหรือรอยบุบต่างๆ และสังเกตความสม่ำเสมอของสี นอกจากนี้ก็ควรเปิดฝากระโปรงรถทั้งหน้าและหลัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของตัวถังว่ายังมีสภาพสมบูรณ์หรือไม่

2. เช็คสภาพภายใน

ต่อมาตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ เช่น ระบบการแสดงผล, ระบบไฟต่างๆ, วิทยุ, เซ็นทรัลล็อก, กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่

3. เช็คเลขไมล์

ส่วนใหญ่ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองมักจะชอบดูที่เลขไมล์น้อยๆ เพราะแปลว่ารถยนต์คันนั้นได้มีการใช้งานมาได้ไม่นาน แต่ก็ต้องดูรุ่นรถและปีที่ออกรถด้วยว่าสอดคล้องกันหรือไม่

4. เช็คเครื่องยนต์

จุดนี้จะต้องมีความละเอียดมากกว่าจุดอื่นๆ เริ่มจากลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่าปกติหรือไม่ รอบเดินมีอาการสั่นหรือไม่ แต่ถ้าให้ชัวร์ควรหาช่างชำนาญการมาเป็นผู้ช่วยดูและตรวจสอบให้อีกครั้ง

5. เช็คช่วงล่าง

ส่วนใหญ่ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ในช่วงล่างนั้นจะต้องมีการยกตัวรถขึ้น ดังนั้นหากจะใช้วิธีนี้ในการดูด้วยตนเองคงไม่สะดวก จึงควรสอบถามทางผู้ขายถึงสภาพของรถ ก่อนที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คอีกครั้งหลังการซื้อขาย

6. เช็คประวัติการซ่อม

เราสามารถเช็คได้โดยการนำหมายเลขทะเบียนรถ หรือหมายเลขตัวถังไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ ก็สามารถรู้ได้ว่ารถเข้าเช็คระยะตามกำหนดหรือไม่ และมีการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใดไปบ้าง

7. ทดลองขับ

วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ที่ดีที่สุดก็คือ การทดลองขับ เพราะจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆ ในขณะขับว่ารถยนต์ยังอยู่ดีมีสภาพการใช้งานที่ปกติดีหรือไม่

8. เช็คเอกสารประจำตัวรถยนต์

ที่ห้ามลืมเลยก็คือ เอกสารประจำตัวรถยนต์หรือเล่มทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์คันที่นั้นได้ถูกครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ เช็คเลขตัวถังรถว่าตรงกับสมุดคู่มือและมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้มาก่อนแล้วบ้าง

และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเช็ครถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากอยากให้ชัวร์ก็ควรมีช่างชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้มาช่วยตรวจสอบก็จะละเอียดขึ้น เพื่อความรอบคอบและป้องกันความผิดพลาดในภายหลังนั่นเอง

รูปภาพประกอบ : chobrod.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ABB เปิดตัวปั๊มชาร์จ EV ที่เร็วที่สุดในโลก

ในอนาคตโลกเราจะต้องเจอกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนนี้หลาย ๆ ฝ่ายและหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนเท่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ตลาดประเทศนั้นเริ่มดำเนินการก็คือการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้านั่นเอง เพราะว่าน้ำมันถือว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปและแถมยังเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมากขึ้น

ภาพจาก Pixabay

ในอนาคตการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีความจำเป็นที่ต้องมีปั๊มชาร์จไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์แทนที่ปั๊มน้ำมันนั่นเองซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าการเติมน้ำมันไปในรถยนต์ที่ขับอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันนี้ ดังนั้นนอกจากความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งสถานีชาร์จให้ได้มากที่สุดแล้วยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สถานีชาร์จนั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะชาร์จไฟให้กับรถยนต์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดด้วย

ภาพจาก Pixabay

ซึ่งในตอนนี้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มมีการพัฒนาสถานีชาร์จด้วยเช่นเดียวกันตัวอย่างเช่นบริษัท Tesla ที่เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ก็พัฒนาสถานีชาร์จรุ่น “Supercharge” ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงถึง 250 KWs ซึ่งก็มีความเร็วในการชาร์จที่สูงมากแต่ว่าก็ยังไม่ใช่เป็นสถานีชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราความเร็วในการชาร์จสูงสุดนั้นเป็นของบริษัท ABB ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ABB นั้นมี นั้นมีอัตราการชาร์จไฟฟ้าสูงถึง 360 KWs ซึ่งสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มโดยใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีหรือก็คือสามารถชาร์จไฟให้รถยนต์วิ่งได้ถึง 62 ไมล์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 นาที

โดยทางบริษัท ABB ได้มีการประกาศเรื่องสถานีชาร์จเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนที่ผ่าน โดยให้ชื่อสถานีชาร์จที่มีความเร็วที่สุดในโลกมีว่า “Terra 360” โดยจะมีการเปิดในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้และจะกระจาย Terra 360 ไปทั่วทั้งโลกภายในปีหน้า

ภาพจาก Pixabay

เมื่อทั้งโลกมีความต้องการที่เหมือนกันและรถยนต์ไฟฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะเป็นยานพาหนะที่จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต ดังนั้นการผลิตสถานีชาร์จให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กับการผลิตรถยนต์เลยทีเดียวเพราะถ้าหากว่าสถานีชาร์จมีไม่เพียงพอการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็เป็นเรื่องยากด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Cnet , การเงินธนาคาร

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงกับประเทศจีน

เมื่อพูดถึงประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกครั้งที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและทางด้านประชากรในทวีปเอเชียก็คงจะนึกถึงประเทศจีนเป็นอันดับแรก ๆ เลย ด้วยความที่เป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรเป็นจำนวนมากทำให้ประเทศจีนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาสภาวะทางด้านการจราจร โดยประเทศจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงปัญหาใหญ่ของโลกอย่างปัญหาภาวะโลกร้อนทำให้ประเทศจีนนั้นเริ่มมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น

Cr.Pixabay

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV ได้ร่วมมือกับบริษัทของอเมริกาอย่าง General Motor ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศจีนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกร้อนโดยรถยนต์ไฟฟ้าของทางบริษัทดังกล่าวนั้นจะมีขนาดที่เล็กเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในประเทศจีน โดยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนี้มีราคาถูกแถมใช้สะดวกสบายอีกด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรถขนาดเล็กทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ประชากรชาวจีน โดยทำยอดขายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วไปถึง 24,000คัน  และตัวรถยนต์สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 100Km/Hr

Cr.Wikipedia

โดยบริษัท The Hong Guang Mini EV มีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปในต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้ประเทศจีนนั้นมีแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายที่มากแถมราคายังมีราคาที่ถูกอีกด้วยและทางรัฐบาลเองก็มีการผลักดันให้ประเทศจีนเป็นผู้นำทางด้านกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท The Hong Guang Mini EV ในประเทศจีนยังมียอดขายสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Cr.Pixabay

จากการที่มีรถยนต์ไฟฟ้าถูกผลิตอย่างมากในปัจจุบันทำให้เราสามารถบ่งบอกได้ว่าในอนาคตนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนและรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าน้ำมันอย่างมาก โดยอีกส่วนหนึ่งก็คือน้ำมันนั้นเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปแต่ทรัพยากรไฟฟ้านั้นสามารถผลิตขึ้นได้จากช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้นในอนาคตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่นอนเลย

ข้อมูลจาก BBC และ Autodeft

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

สำหรับผู้ที่รักรถยนต์แล้วละก็ต้องรู้อย่างพลาดไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับทุกคน เพราะวันนี้จะเป็นเคล็ดลับในการถนอม และดูแลสีสันรถยนต์อันเป็นที่รักของคุณให้แลดูสดสวยตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นการชะลอความหม่นหมอง ที่เกิดขึ้นตามสภาพอากาศ และกาลเวลา เมื่อคุณดูแลรักษาได้ไม่ดีพอ สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ในสีสัน ที่สดใสบาดใจต้องเชิญทางนี้เลย

1. เมื่อเกิด ความสกปรก อย่าปล่อยให้เวลายืดเยื้อเกินเลยจนเกินไป

เรื่องดังกล่าวนี้จะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะทุกท่านเชื่อไหมว่าฝุ่น หรือโคลนตลอดจน คราบต่าง ๆ ที่มีมาติดบนรถของคุณนั้น สิ่งเหล่านี้จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ง่ายเป็นที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาแลคเกอร์ของรถยนต์ที่เคลือบในสีรอบคันค่อย ๆ เกิดการเสื่อมสภาพ ขาดความมันวาว

 โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ถ้าหากจะทำความสะอาดคราบติดแน่นที่มีอยู่ ก็ควรที่จะใช้ ผ้าชุบน้ำเช็ดด้วยความระมัดระวัง ในกรณีที่คุณไม่มีเวลาว่าง ทำความสะอาดเป็นประจำนั่นเอง

2. ต้องมีร่ม เงาให้รถเราอยู่

สำหรับเมืองไทยแล้ว ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าที่นี่เป็นเมืองร้อน ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่คล้ายกับทะเลทรายก็ตามที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการทำลายความสดใสแห่งสีสันรถยนต์ของเรา ให้มีความซีด หมองหม่นไปได้อย่างรวดเร็วระดับหนึ่งเลยล่ะ โดยถ้าหากว่าเป็นรถที่มีการจอดไว้ กลางแจ้ง ตลอดวันตลอดคืนเป็นประจำ ปรากฏการณ์น้ำค้างเป็นพิษ ก็จะสามารถทำให้เป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นต้นตอปัญหาของการเกิดสีซีดด่าง ดังนั้น ถ้าจะให้ดีควรจะมีที่จอดรถ หรือร่มเงาให้รถของเรานั้นมีความสวยงาม สีสันสด ๆ ยาวๆ ไป

3. ดูแลรักษาอย่างดี โดยล้างอย่างพอประมาณ

เพราะในบางครั้งเราไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าคาร์แคร์ หรือสถานที่ที่เรานำรถไปล้าง ตลอดจนน้ำยาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จะมีความเป็นกรด หรือด่างมากเพียงใด และนี่ก็อาจจะเป็นปัญหาหลักที่ทำให้รถของคุณนั้นขาดความเงางาม และถ้าร้ายไปกว่านั้นความสดใสของสีก็อาจจะจางหายไปในเร็ววันอีกด้วย ดังนั้นถ้าจะล้างก็ขอให้ทิ้งระยะ เพราะถ้าความสกปรกมีไม่มาก แค่การปัดฝุ่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

4. ปกป้องด้วยการเคลือบสี เพื่อให้ความสวย อยู่คงทน

สำหรับขั้นตอนนี้นับว่าเป็นพระเอกของท้องเรื่อง เพราะว่าถ้าคุณอยากจะดูแล สีสันของรถคู่ใจให้คงอยู่ไปนาน ๆ  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่จะต้องเปลี่ยนสีใหม่ หรืออีกหลายปัญหาก็ตามแต่ การเคลือบสีให้เงางาม นั้นต้องเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพื่อเป้าหมายของความงดงามสวยสดนั้นคงทน ยาวนานขึ้นเป็นยิ่งนัก ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเผลอหลงรัก รถเราด้วยเป็นแน่แท้

 สรุป

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของสีรถยนต์ และมีความต้องการความคงทนถาวรของสีให้อยู่ยาว ๆ ไป ขั้นตอนนี้ก็เป็นวิธีการที่จะทำให้รถที่คุณรัก นั้นมีสีสันสดสวยอยู่กับคุณเสมอยาวแบบ ยาว ๆ  โดยไม่จำเป็นที่จะต้อง ดูแลในขั้นตอนที่ซับซ้อนยากเย็นแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ นี้คุณสามารถดูแลได้ด้วยมือคุณเองอีกด้วย ในขั้นตอนง่าย ๆ กับประโยชน์อนันต์ ลองเลยแล้วคุณจะรู้

ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เรื่องแบตเตอรี่กับสิ่งที่คุณควรต้องรู้

เรื่องแบตเตอรี่กับสิ่งที่คุณควรต้องรู้

สิ่งที่ต้องมีอยู่ในรถยนต์ของคุณนั้นก็คือแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่ในปัจจุบันก็มีหน้าที่ ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าในการสตาร์ทรถ และการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเพื่อจะเอาไว้ใช้ภายในรถยนต์ของคุณ ซึ่งต้องบอกเลยว่านาทีนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าหากไม่มีแบตเตอรี่หรือพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ในรถ คุณก็จะสตาร์ทรถไม่ติดตั้งแต่แรกนั่นเอง แต่คุณเชื่อไหมว่าหลายคนนั้นที่ใช้รถเป็นประจำไม่รู้จักว่าช่วงเวลาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เหมาะสมนั้นคือช่วงไหน โดยเฉพาะคนไทยต้องบอกเลยว่าแปลกมาก เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการดูแบตเตอรี่ของคุณว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยังด้วยการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ 

สำหรับใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำแล้วไม่เคยสังเกตว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นอายุประมาณเท่าไหร่ ขอแนะนำให้คุณลองพิจารณาช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะการใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมแบบไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีปัญหาหรือไม่นั้นจะอยู่ช่วงเวลาประมาณ 1 – 5 เดือนจนถึงช่วงเวลา 2 ปีประมาณนี้ ซึ่งถ้าหากคุณนั้นอยู่ในช่วงหลักเกณฑ์ช่วงเวลาเหล่านี้เราก็ขอแนะนำให้คุณนั้นเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ บอกเลยว่าจะช่วยป้องกันปัญหารถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติดหรือระบบการทำงานรวนได้แบบง่าย ๆ วิธีเดียวเพียงแค่คุณเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่เท่านั้นเอง 

2.ระบบการทำงานระบบไฟฟ้าภายใน มีอาการแปรปรวน 

ระบบการทำงานในรถยนต์ของคุณเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าทำงานไม่เสถียร สิ่งนี้สามารถบ่งบอกได้เลยว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นน่าจะเริ่มมีปัญหาแล้ว ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะทดสอบว่ามันเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ คุณลองใช้อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างภายในรถดูที่เป็นไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกระจกไฟฟ้า วิทยุ เครื่องเสียงหรือว่าจะเป็นทางด้านที่จุดบุหรี่ แน่นอนว่าถ้าสิ่งของทั้งหมดนี้ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็แสดงว่าแบตเตอรี่ของคุณนั้นเริ่มมีปัญหา ขอแนะนำให้คุณนั้นเปลี่ยนใหม่โดยทันทีอันนี้ดีที่สุดเลย 

3. สตาร์ทรถเริ่มจะไม่ติด 

นี่น่าจะเรียกได้ว่าอาการหนักที่สุดแล้ว สำหรับที่จะทำให้คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์สักครั้งนั่นก็คืออาการนี้ สำหรับใครที่มีปัญหาทางด้านการสตาร์ทไม่ติดเป็นประจำ ในบางครั้งอาจจะเกิดจากปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว คุณควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หรือถ้าหากไม่แน่ใจจริง ๆ ขอแนะนำให้พบช่างที่ศูนย์จะได้ตรวจสอบภายใน เพื่อที่จะได้ป้องกันการเสียเงินจากค่าแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่ไม่จำเป็นอันนี้ก็ขอแนะนำเลย 

สรุปวิธีการสังเกตแบตเตอรี่ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยัง 

ข้อมูลเหล่านี้สามารถทำให้ใครหลาย ๆ คนที่คิดอยากจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ก็คงจะตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และถ้าหากคุณนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร ก็อย่าลืมบอกคนที่คุณรู้จักด้วยนะ วิธีการเหล่านี้ได้ผลจริง ซึ่งวิธีการเหล่านี้นั้นเป็นข้อมูลจากทางศูนย์รถยนต์โดยตรง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก  https://pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Canoo เตือนอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะนำ EV ออกสู่ตลาดยานยนต์

Canoo เตือนอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะนำ EV ออกสู่ตลาดยานยนต์

                รายได้ในไตรมาสแรกของ Canoo แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังเผาผลาญงบประมาณ ไม่มีรายรับในระยะสั้น และคำเตือนว่าบริษัทอาจไม่มีเงินเพียงพอที่จะทำธุรกิจต่อไป หุ้นของ Canoo ซึ่งร่วงลง 5% เมื่อวันอังคาร ร่วงลงอีก 17.5% ในการซื้อขายหลังตลาดหลังการเปิดเผยผลประกอบการ มันฟื้นตัวแล้วและตอนนี้ลดลงมากกว่า 11% Canoo มีประวัติที่วุ่นวายและสั้น การออกแบบรถยนต์ของบริษัท ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2019 ได้รับการยกย่องและทำให้เป็นสตาร์ทอัพ EV ที่คึกคัก เมื่อเดือนที่แล้ว NASA ยังเลือก Canoo ให้สร้างยานพาหนะขนส่งลูกเรือภาคพื้นดินสำหรับโครงการสำรวจอวกาศของ Artemis

แต่ Canoo ยังประสบปัญหาและข้อขัดแย้งมากมาย รวมถึงละครภายใน การออกจากผู้ก่อตั้งร่วม ปัญหาทางกฎหมาย การสอบสวนของ SEC และความล่าช้าในการผลิต รายงานรายได้ล่าสุดนี้วาดภาพที่น่ากลัวมากขึ้นสำหรับอนาคตของ Canoo การเริ่มต้นของ EV ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ได้ยื่นฟ้องต่อหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ในความพยายามที่จะเรียกคืนผลกำไร 61 ล้านดอลลาร์จากการซื้อขายหุ้นที่น่าสงสัยซึ่งถูกกล่าวหาว่าปิดตัวลงด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 104.9 ล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่า บริษัท ซึ่งขณะนี้ไม่มีรายได้ ถูกเผาผลาญไปประมาณ 120 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ ผลขาดทุนสุทธิของ Canoo อยู่ที่ 125.4 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 15.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยมีเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมการดำเนินงานรวม 120.3 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 53.9 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 “แผนธุรกิจของเราต้องการเงินทุนจำนวนมาก” อ่าน การยื่นข้อบังคับจาก Canoo “หากเราไม่สามารถหาเงินทุนเพียงพอหรือไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ เราจะไม่สามารถดำเนินการตามแผนธุรกิจของเรา และอาจจำเป็นต้องยุติหรือจำกัดการดำเนินงานของเราอย่างมีนัยสำคัญและโอกาสของเรา สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานอาจเป็นสาระสำคัญ

ได้รับผลกระทบ” Canoo ประกาศในเดือนสิงหาคม 2020 ว่าได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับ Hennessy Capital Acquisition Corp. ซึ่งเป็นบริษัทจัดซื้อกิจการพิเศษ โดยมีมูลค่าตลาด 2.4 พันล้านดอลลาร์ ในขณะนั้น Canoo กล่าวว่าสามารถระดมทุน 300 ล้านดอลลาร์ในการลงทุนภาคเอกชนในตราสารทุนสาธารณะหรือ PIPE รวมถึงการลงทุนจากกองทุนและบัญชีที่จัดการโดย BlackRock

การลงทุน PIPE นั้นดูเหมือนจะยังไม่เกิดขึ้นจริง Canoo กล่าวระหว่างการโทรกับนักลงทุนเมื่อวันอังคารว่าคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ในตราสารทุนสาธารณะ (PIPE) ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการจะดำเนินไปในสัปดาห์นี้และ บริษัท ได้ยื่นฟ้อง 300 ล้านดอลลาร์สากล Tony Aquila ซีอีโอของ Canoo กล่าวว่าจำเป็นต้องใช้เงิน 600 ล้านดอลลาร์เพื่อเริ่มการผลิต แม้จะมีเงินที่ใกล้เข้ามานั้น Canoo ยังคงออกคำเตือน “ความกังวล” คุณสมบัติเกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่องหมายความว่าบริษัทอาจมีเงินทุนไม่เพียงพอหรือไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันเมื่อถึงกำหนดชำระ ท่ามกลางกำหนดเส้นตายการผลิตอื่นๆ ที่ใกล้เข้ามา

รวมถึงการสั่งซื้อล่วงหน้ามากกว่า 17,500 รายการ Canoo กล่าวว่าจะส่งมอบโมเดลที่ปรับแต่งได้หลายรุ่นสำหรับ NASA ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ไลฟ์สไตล์ภายในเดือนมิถุนายน 2566 ข้อกังวลทางการเงินของ Canoo เรียกความสามารถของผู้ผลิต EV ที่จะตอบสนอง ความมุ่งมั่นที่เป็นปัญหา เมื่อนักลงทุนถามเกี่ยวกับแนวทางการผลิตสำหรับยานพาหนะของ NASA Aquila ได้หลบเลี่ยงโดยกล่าวว่าข้อมูลนั้นเป็นความลับ แต่ Canoo ให้ความสำคัญกับการสร้างโรงงานใน Bentonville รัฐอาร์คันซอ ซึ่งคาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ “20,000 คัน” สำหรับ Canoo, Aquila กล่าว

Canoo ประกาศก่อตั้งโรงงาน Bentonville เป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยกล่าวในขณะนั้นว่าจะเลื่อนการเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไลฟ์สไตล์จากต้นปี 2023 เป็นไตรมาสที่สี่ของปี 2022 คำแนะนำนั้นไม่ได้รับการปรับปรุงในระหว่างการเรียกรายได้ของวันอังคาร บางทีจุดสว่างเพียงจุดเดียวในรายรับของ Canoo ก็คือการได้รับเงิน 30.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยุติคดีกับ VDL Nedcar บริษัทผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ Canoo ได้ชำระเงินล่วงหน้าแก่ VDL Nedcar โดยเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาการผลิตรถยนต์เพื่อสร้าง “ไลฟ์สไตล์ EV” การเป็นหุ้นส่วนสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมเมื่อ Canoo สำรวจข้อตกลงใหม่กับ VDL Groep

Source : https://techcrunch.com/2022/05/10/canoo-warns-it-may-not-have-enough-funds-to-bring-evs-to-market/?cx_testId=6&cx_testVariant=cx_undefined&cx_artPos=1#cxrecs_s

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ยางรถยนต์ทนความเร็วได้แค่ไหน ดูตรงนี้เลย บนแก้มยาง 

ยางรถยนต์ทนความเร็วได้แค่ไหน ดูตรงนี้เลย บนแก้มยาง 

แน่นอนว่ายางรถยนต์นั้นถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ในการใช้งานรถยนต์บนท้องถนน แต่หลายคนก็คงจะคิดเช่นเดียวกันว่า ยางรถยนต์ก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ส่วนหนึ่งของรถยนต์ที่สัมผัสพื้นเท่านั้นถ้าหากสึกหรอเป็นอย่างมากก็เปลี่ยนหรือถ้าหากครบระยะเวลาวันเดือนปีที่ผลิตก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แต่อันที่จริงแล้ว ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนยางรถยนต์ควรทำความรู้จักเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งจะสามารถช่วยทำให้คุณเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการอ่านข้อมูลความทนทานบนข้างแก้มยางในปัจจุบัน 

1. มาทำความรู้จักกับ Treadwear ของยางรถยนต์ 

ส่วนใหญ่ค่ามาตรฐานของยางรถยนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับ ค่าความทนทานที่แตกต่างกันโดยเฉพาะ Treadwear ค่าความทนทานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถบอกเกรดเนื้อยางได้ที่เรียกว่า Uniform Tyre Quality Grading (UTQG) สามารถไล่ตามลำดับได้ตั้งแต่ 200 จนสูงสุดถึง 800  ซึ่งจะบอกเกรดของเนื้อยางได้เป็นอย่างดี สำหรับรถที่ใช้บรรทุกจำนวนมาก และเดินทางไกล ก็ขอแนะนำให้ใช้เรทยางที่มีค่าสูง ซึ่งจะสามารถช่วยลดการสึกหรอของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าช่วยยืดอายุการเปลี่ยนยางได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว 

แต่ถ้าหากเป็นรถยนต์ที่วิ่งน้อย ต้องการความนุ่มนวลสะดวกสบาย และเสียงไม่ดัง ก็ขอให้เลือกค่าTreadwear ที่ต่ำ บอกเลยว่าสามารถช่วยตอบโจทย์คุณได้อย่างแท้จริง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ยางของคุณนั้นจะสึกหรออย่างรวดเร็ว ซึ่งมีโอกาสได้เปลี่ยนยางบ่อยเช่นเดียวกัน 

2. ข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน ของความทนทานของยางรถยนต์ 

ถ้าหากจะอธิบายถึงความแตกต่างของยางรถยนต์ ที่มีค่า Treadwear สูงแล้ว ต้องบอกเลยว่าเหมาะสำหรับการใช้งานกับการขนส่ง และวิ่งระยะทางไกลเท่านั้น ซึ่งเนื้อสัมผัสยางจะแข็งมาก และมีความทนทานสูง 

แต่ถ้าหากเป็นยางรถยนต์ที่มีค่า Treadwear ที่ต่ำก็จะเน้นไปทางด้านการขับขี่เพื่อความสะดวกสบาย และการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ส่งผลเสียกับการใช้งานในปัจจุบัน เพราะว่าสึกหรอได้อย่างรวดเร็ว 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นก็ควรจะเลือกให้เหมาะสมกับงาน และเนื้อของล้อยางรถยนต์ ซึ่งจะสามารถช่วยทำให้คุณนั้นตอบสนองกับการใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

3. มาตรฐานแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกันกับความทนทานค่า Treadwear

สำหรับใครที่คิดว่าผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อมีมาตรฐานในการตรวจสอบ Treadwear ในปัจจุบันก็ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่โดยเฉพาะ บางยี่ห้อก็อาจจะมีตัวเลขที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันทั้งภาครัฐ และฝ่ายควบคุมของแต่ละบริษัท และโรงงานก็ยังไม่มีข้อมูลตัวใดที่เข้ามากำหนดอย่างแน่ชัด เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากคุณเป็นแฟนคลับของยางรถยนต์ยี่ห้อใด ก็ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อยางในครั้งต่อไป ซึ่งจะสามารถช่วยทำให้คุณเลือกยางรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

สรุปความน่าสนใจของ Treadwearกลับยางรถยนต์ 

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหายางรถยนต์ที่ดี และมีประสิทธิภาพข้อมูลเหล่านี้ น่าจะตอบโจทย์คุณได้ไม่มากก็น้อย แล้วที่สำคัญการเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถของคุณ จะทำให้คุณประหยัดเงินได้มากกว่าเดิมแน่นอนเราอยากเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้ ในการตัดสินใจครั้งต่อไป เพราะฉะนั้นลองนำไปใช้กัน แล้วคุณจะพบว่าการเลือกยางครั้งต่อไปนั้นดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ขอขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

มารยาทที่จำเป็นสำหรับการจอดรถซ้อนคัน 

มารยาทที่จำเป็นสำหรับการจอดรถซ้อนคัน 

สำหรับการจอดรถซ้อนคันในปัจจุบันก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ตามกฎ และเงื่อนไขของสถานที่ และแน่นอนว่าถ้าคุณต้องการจอดรถซ้อนคันอย่างสุภาพ คุณก็ควรจะปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้องสำหรับการจอดรถซ้อนคันอย่างมีมารยาท แน่นอนว่าในบทความนี้เราจะมาอธิบายถึงวิธีการที่ดี และเหมาะสม ซึ่งวิธีการทั้งหมดก็มีดังต่อไปนี้ 

1. การจอดรถซ้อนคันอย่างมีมารยาทควรจะตั้งพวงมาลัยให้ตรงเกียร์ว่าง 

สิ่งนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานในการจอดรถซ้อนคันที่ผู้ขับขี่ที่อยู่ช่องภายใน สามารถเคลื่อนรถออกได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะการจอดรถในพื้นที่ที่มีการจอดที่จำกัด คุณนั้นก็สามารถเข้ามาจอดรถได้ตามกฎกติกา และเงื่อนไขของทางสถานที่แล้วที่สำคัญที่สุดคุณควรจะปลดเกียร์ว่าง และตั้งพวงมาลัยรถให้ตรง 

แน่นอนว่าถ้าคุณทำในลักษณะนี้ผู้ที่ขับขี่ภายใน จะสามารถเคลื่อนรถของเราได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม และการตั้งพวงมาลัยให้ตรงจะช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ขอแนะนำวิธีนี้บอกเลยว่าดีจริง 

2.พยายามตรวจสอบเบรกมือทุกครั้ง ว่าไม่ได้หรอก 

แน่นอนว่าสำหรับรถส่วนใหญ่ ที่จอดรถซ้อนคันก็จะประสบปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ ล็อคเบรกมือเอาไว้       อันที่จริงคุณควรจะดูเสียก่อนว่า รถของคุณมีระบบเบรกมืออัตโนมัติหรือไม่ ถ้ามีคุณก็ควรจะปลดล็อคเบรกมือด้วยระบบของตัวเองก่อน ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยให้คุณนั้น ไม่ต้องประสบปัญหาที่น่ารำคาญใจตรงที่ว่าคุณนั้นจะต้องเดินทางเพื่อกลับมาเคลื่อนรถด้วยตัวของคุณเอง 

3. ควรมีกระดาษโน้ตเบอร์โทรศัพท์ และคำอธิบายติดหน้ารถทุกครั้ง 

วิธีนี้จะสามารถช่วยให้ผู้ที่จอดรถภายในช่องจอดรถสามารถติดต่อคุณได้ เพราะรถบางรุ่นบางยี่ห้อก็จะมีระบบล็อคอัตโนมัติ ซึ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และวิธีการใช้กระดาษโน้ตติดเบอร์โทรศัพท์หรือคำอธิบายนี้ ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ที่จอดอยู่ภายใน สามารถนำรถออกไปได้ง่ายอย่างรวดเร็ว 

แต่อย่างไรก็ตามคุณจะต้องรีบเดินทางมาที่รถยนต์ของคุณโดยทันทีเมื่อได้รับการติดต่อ เพราะนั่นถือว่าเป็นมารยาทอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้คุณนั้นดูเป็นคนมารยาทที่ดี และคุณจะไม่ต้องกังวลใจกับการจอดรถซ้อนคันอีกต่อไปอย่างแน่นอน 

สรุปความน่าสนใจของเทคนิคการจอดรถซ้อนคันแบบมีมารยาท 

การจอดรถซ้อนคันนั้นในบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่เรานั้นสามารถเปลี่ยนเรื่องราวเหล่านี้ให้กลายเป็นความสะดวกสบายของทั้งสองฝ่ายได้แบบง่าย ๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้ และหากคุณได้ประสบปัญหาเหล่านี้เช่นเดียวกัน ในปัจจุบันเราก็อยากจะแนะนำให้คุณนั้นลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ดูแน่นอนว่าน่าจะได้ผลดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว 

ขอขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีการตรวจสอบรถยนต์เพื่อให้พร้อมเข้าสู่ฤดูร้อน 

วิธีการตรวจสอบรถยนต์เพื่อให้พร้อมเข้าสู่ฤดูร้อน 

สำหรับคนที่ขับขี่ยานพาหนะ และรถยนต์บนท้องถนนเป็นประจำสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด นั่นก็คือการดูแลรถยนต์ของคุณให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ต้องบอกเลยว่าวิธีการในลักษณะนี้มีประโยชน์มาก ๆ เพราะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

แต่อย่างไรก็ตามในการดูแลรถยนต์ในปัจจุบันให้พร้อมเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยนั้น ก็เป็นเรื่องที่หลายคนนั้นไม่ค่อยมีความรู้มากนักอย่างแน่นอน โดยเฉพาะความร้อนที่ผิดปกติเป็นอย่างมากที่จะขึ้นสูง จนถึงขั้นรถนำเข้าจากต่างประเทศบางรุ่นบางยี่ห้ออาจจะพบกับปัญหาในการทำงานของระบบภายในเลยก็เป็นไปได้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวิธีการเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนกัน รับรองว่ามีประโยชน์กับคุณกับการใช้งานจริงอย่างแน่นอน กับการดูแลรถยนต์ปี 2022 ในปัจจุบัน 

1. ระบบหม้อน้ำ 

สำหรับรถบางคันที่ดี และมีคุณภาพสูงในช่วงเวลาปกติอาจจะขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าหากเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนสิ่งที่จำเป็น นั่นก็คือระบบคายความร้อนภายใน โดยเฉพาะหม้อน้ำ คุณควรจะตรวจสอบว่าหม้อน้ำของคุณนั้นมีการชำรุดหรืออุดตันหรือไม่ และควรจะใช้น้ำยาหล่อเย็นเพิ่มเติมจะสามารถช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน อันนี้เรากล้ารับประกัน 

2. อุปกรณ์ท่อยางภายในระบบการทำงานของรถยนต์ 

ด้วยความร้อนที่สูงผิดปกติ อาจจะทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องยนต์บางอย่างนั้นชำรุดได้ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับความร้อนที่ประเทศไทยกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถยนต์ ซึ่งคุณนั้นควรจะตรวจสอบดูให้แน่ใจเสียก่อนว่าอุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือเปล่า แต่ถ้าหากไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากนัก ขอแนะนำให้คุณนั้นเปลี่ยนก่อนที่จะเข้าถึงช่วงเวลาฤดูร้อน เพราะว่าจะสามารถช่วยทำให้ระบบคายความร้อน และการขับขี่รถยนต์ของคุณนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว 

3. ระบบทำความเย็นภายในรถ 

สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่น้อยไปกว่าระบบเครื่องยนต์ภายในรถแต่อย่างใด โดยเฉพาะระบบปรับอากาศภายในรถ แน่นอนว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมาในช่วงฤดูร้อน การซ่อมบำรุงนั้นจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่จะมีผู้ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับคุณเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การซ่อมแซมระบบทำความเย็นภายในรถของคุณนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงอยากจะแนะนำให้คุณตรวจสอบก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเวลาฤดูร้อน เพื่อที่จะให้รถยนต์ของคุณนั้นพร้อมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน 

สรุปความน่าสนใจของการดูแลรถยนต์ก่อนเข้าช่วงฤดูร้อน 

การดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานโครงการดูแลรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ แต่สำหรับตอนช่วงฤดูร้อนหรือช่วงเวลาที่อากาศนั้นผิดปกติ คุณก็ควรจะใส่ใจทางด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ และการทำงานตามจุดที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองได้เลยว่าจะช่วยป้องกันปัญหาให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย

ขอบคุณภาพฟรี:  https://pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook