สำหรับ NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% โดยครั้งนี้เป็นการมาในคอนเซ็ปต์ “ICON” หรือนิยามของต้นแบบและเป็นมาตรฐานใหม่ของเหล่ารถ EV ในอนาคต กับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถนำไปปรับใช้ร่วมกันได้กับ รถไฟฟ้า ในหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาดตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถกระบะไฟฟ้า

MG4 ELECTRIC มาพร้อมการขับขี่มีทั้งหมด 5 โหมด ได้แก่
1. ECO
2. NORMAL
3. SPORT
4. CUSTOM
5. SNOW
โครงสร้างด้านมิติตัวถังของ รถไฟฟ้า MG4 ELECTRIC
• มีความยาว 4,287 มิลลิเมตร
• มีความกว้าง 1,836 มิลลิเมตร
• ความสูง 1,504 มิลลิเมตร
• ระยะฐานของล้อ wheelbase 2,705 มิลลิเมตร
• ขนาดตัวถังของรถรุ่นนี้สามารถเทียบเท่ากับ Mazda 3 ( Hatchback )

จุดเด่นที่น่าสนใจของ สำหรับ MG4 ELECTRIC ระบบขับหลัง
• มาพร้อมขุมพลัง Standard Range
• ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ 51 kWh และพลังขับเคลื่อนล้อหลังที่ทรงพลัง
• มีอัตราการเร่งที่ 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.5 วินาที
• ทำความเร็วสูงสุดที่ 161 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• สามารถวิ่งในระยะที่ไกลสุดได้ 425 กิโลเมตร ( มาตรฐาน NEDC )
• ระบบการชาร์จด้วยไฟฟ้า
• ใช้หัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบบจ่ายไฟ V2L (Vehicle to Load) 2200W ซึ่งสามารถจ่ายพลังงานจากตัวรถไปสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆๆ ได้อีกด้วย
• ขนาดกะทัดรัด เหมือนรถซีดาน รถขนาดเล็กแนวสปอร์ต
• มีการออกแบบแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งมีขนาดเล็กลงแต่กำลังไฟเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น ทั้งบริเวณเบาะหน้าและเบาะหลัง
• วัสดุตกแต่งในห้องโดยสารดูหรูหราเข้ากันและลงตัวมาก ทั้งตำแหน่งการวาง และการเลือกใช้วัสดุซึ่งถือว่าดีมากในราคานี้
• จุดเด่นอีกหนึ่งที่คือพวงมาลัยถือแบบสองก้านทรงหัวท้ายแบบตัด ที่หุ้มหนังและยังสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง
• มาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen ดิจิตอล ขนาด 7 นิ้ว ( Digital Multi-function Display ) ที่ชัดเจน ใช้งานสะดวกด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 25 นิ้ว
• และสุดท้าย MG4 เป็น รถไฟฟ้า ที่เป็นขับหลังคันแรกและถูกออกแบบมาบนแพลตฟอร์มใหม่ จึงดูน่าสนใจและทำให้รถขับขี่สนุกมากขึ้น พร้อมกับ option ที่จัดเต็ม ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้ดีทีเดียว
และนี่ก็คือ รถไฟฟ้า MG4 ELECTRIC ระบบขับหลัง ต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถ EV ต้องบอกเลยว่าจุดเด่นของ MG4 รุ่นนี้ก็คือเรื่องของการขับขี่ที่ใครได้ลองต้องรู้สึกว่าขับสนุกแน่นอน ด้วยขนาดของตัวรถที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไปถือว่าเป็นขนาดที่กำลังดี จึงเหมาะแก่การขับขี่ในตัวเมืองได้อย่างคล่องตัว สำหรับใครที่สนใจรถรุ่นนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่คันละประมาณ 8-9 แสนบาทเท่านั้น
รูปภาพประกอบ : motortrivia.com
รูปภาพประกอบ : arnoldclark.com
รูปภาพประกอบ : autoinfo.co.th
ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook