ไส้กรองแอร์ สำคัญอย่างไร?

ไส้กรองแอร์ สำคัญอย่างไร

ไส้กรองแอร์ สำคัญอย่างไร? เคล็ดลับดูแล แอร์รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

            วันนี้เอาสาระ เรื่อง ความสำคัญของไส้กรองแอร์ และเทคนิคการดูแลรักษาแอร์ให้มีอายุยาวนานที่สุดมาฝากกัน

ไส้กรองแอร์

            สำหรับไส้กรองในรถยนต์ของเราที่ขับขี่อยู่เป็นประจำนั้น มีเรื่องของไส้กรองที่ต้องดูแลหลายจุดดังนี้  1.ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 2.ไส้กรองน้ำมันเกียร์ 3.ไส้กรองอากาศ และ4.ไส้กรองแอร์ ซึ่งครั้งนี้เราจะมาคุยกันเรื่องของ “ ไส้กรองแอร์”

ไส้กรองแอร์

            สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ประสบปัญหาเกี่ยวกับแอร์ นอกเหนือจากแอร์ไม่เย็นแล้ว ก็คือเรื่องของกลิ่นอับ และมันมีสาเหตุที่มาจากระบบของไส้กรองแอร์นั่นเอง

            ก่อนจะไปรู้เรื่องของไส้กรองแอร์ เรามารู้จักกับระบบการทำงานของแอร์รถยนต์เป็นพื้นฐานก่อน โดยการทำงานของระบบปรับอากาศในรถยนต์นั้น จะเริ่มจาก คอมเพรสเซอร์ ดูดเอาน้ำยาแอร์ไปตามท่อของคอมเพรสเซอร์ และไหลเข้าสู่แผงคอยร้อน เพื่อระบายความร้อนออกไป จากนั้นเข้าสู่ถังพักน้ำยาแอร์ เพื่อกรองสิ่งแปลกปลอมผ่านท่อวาล์วปรับความดัน เพื่อลดความดันของน้ำยาแอร์ลงทำให้อุณหภูมิของน้ำยาแอร์นั้นต่ำลงและป้อนเข้าสู่คอยล์เย็น ซึ่งจะมีพัดลมทำหน้าที่ในการเป่า หรือดูดอากาศผ่านช่องแอร์ในรถของเรา เราจึงได้รับความเย็นนั่นเอง

ไส้กรองเเอร์

            ไส้กรองแอร์คือแผ่นกรองอากาศที่ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองสิ่งสกปรกก่อนที่ลมเย็นจะออกมาจากช่องแอร์ เพื่อเพิ่มความเย็นให้กับเราภายในห้องโดยสาร ซึ่งถ้าไม่มีกรองแอร์ สิ่งสกปรกต่างๆก็จะเข้ามาติดที่คอยล์เย็น ส่งผลให้แอร์ในรถเราไม่มีประสิทธิภาพและไม่มีความเย็นเพียงพอ และระบบปรับอากาศก็จะทำงานหนักมากขึ้น และเกิดการหมักหมมซึ่งก็เป็นที่มาของการเกิดโรคภูมิแพ้นั่นเอง

            ซึ่งปัจจุบันรถยนต์บางรุ่น ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองของฝุ่นละอองที่เล็กลงไปอีก เช่น ฟิลเตอร์แอร์ของรถบางรุ่นสามารถกรองฝุ่น PM 2.5ได้

            ดังนั้นหน้าที่สำคัญของไส้กรองแอร์ก็คือ เป็นตัวช่วยในการยืดอายุการใช้งานของระบบแอร์มีอายุการใช้งานที่นานมากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจาก ไส้กรองแอร์จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศของรถแล้ว พฤติกรรมในการใช้งานเครื่องปรับอากาศในรถของเราก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นในการใช้แอร์ในรถยนต์แต่ละครั้งที่จะช่วยให้แอร์ไม่พังง่ายนั้นมีเทคนิคที่นำมาฝากดังนี้

ไส้กรองเเอร์

            เทคนิคในการดูแลรักษาสภาพของแอร์รถยนต์

            1.ทุกครั้งก่อนที่จะเปิดแอร์ ควรเปิดแอร์ในรอบของรถยนต์ที่เป็นรอบเดินเบา คือเปิดแอร์ในขณะที่เราใช้ความเร็วต่ำสักต่อเนื่องประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นเข้าไปเคลือบลูกสูบภายในให้ทั่วก่อน และควรปรับความเย็นให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิในห้องโดยสาร หรือปรับเป็นความเย็นเป็นโหมดอัตโนมัติก็ได้

            2.ควรทำความสะอาดและตรวจเช็คฟิลเตอร์ หรือไส้กรองแอร์ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร

            3.ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร

            4.ไม่ควรเอาน้ำหอมที่เป็นแอลกอฮอล์เสียบไว้บริเวณหน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์มีความผุกร่อนเร็วขึ้น

            5.ถ้าต้องจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ให้เปิดกระจกซ้ายขวาลงมาซัก 1-2 ซม. เพื่อระบายความร้อน แต่ก็ต้องอยู่ในสถานที่ปลอดภัยด้วย

            6.ควรล้างตู้แอร์ทุกๆ 2 ปี แต่.ถ้าใช้รถในเส้นทางที่มีฝุ่นจำนวนมากก็ควรล้างเร็วกว่าในเวลาที่กำหนด และควรปรับอากาศในรถให้เป็นระบบหมุนเวียนเพื่อป้องกันฝุ่นเข้ามาในรถ

            7.สำหรับรถที่ไม่ได้ใช้งานทุกวัน ก่อนที่จะจอดรถทิ้งไว้หลายวัน ให้ปิดสวิทซ์ A/C  เปิดพัดลมแอร์แรงสุด 5 นาที เพื่อไล่ความชื้นที่ค้างในตู้แอร์ออก เป็นการช่วยลดความผุกร่อน ลดกลิ่นเหม็นอับของตู้แอร์

            สาระที่นำมาฝาก ถ้าคุณทำตาม ก็จะสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศในรถได้ยาวนานขึ้นอย่างแน่นอน

ไส้กรองแอร์ สำคัญอย่างไร?

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ เคล็ดลับน่ารู้
เวปไซด์ automotive-story.com

เผย 8 เทคนิคทำให้รถ แอร์เย็น ไม่เหม็นอับ

แอร์

เผย 8 เทคนิคทำให้รถ แอร์เย็น ไม่เหม็นอับ เหมือนรถใหม่ ด้วยขั้นตอนง่ายๆ แต่ได้ผลเกินคาด

สิ่งที่ช่างแอร์รถยนต์ไม่เคยบอกถึง 8 เทคนิคที่ทำให้แอร์เย็น ไม่เหม็นอับ เหมือนรถใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนง่าย แต่ได้ผลเกินคาด เป็นที่น่าชื่นใจ วันนี้เราเอา ทั้ง 8 เทคนิคมาเปิดเผยให้รู้กันสำหรับคุณๆที่เป็นนักขับขี่รถยนต์ทั้งหลาย

เทคนิคข้อที่ 1 ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรปิดสวิทซ์ควบคุม AC ก่อน เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เป็นตัวฉุดกำลังขณะที่เราสตาร์ทรถยนต์นั่นเอง

เทคนิคข้อที่ 2 หลังจากสตาร์ทรถและวอมร์อัพ แล้วให้เริ่มต้นความเร็วพัดลมในระดับสูง จนเครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิที่พร้อมใช้งาน อย่าเพิ่มรีบปรับอุณหภูมิแอร์ แต่ควรเปิดแอร์ที่ใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อน ทั้งนี่เพื่เป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์ให้ออกไป จากนั้นจึงค่อยกดสวิทซ์ AC และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมตามที่คุณต้องการ

เทคนิคข้อที่ 3 ถ้าอากาศเย็นเกินไป ให้ใช้วิธีปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น แทนการปัดช่องแอร์หนี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น

เทคนิคข้อที่ 4 ปิดแอร์ก่อนถึงปลายทาง ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง 5-10 นาทีให้ปิดสวิทซ์ AC และเปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุดแทน วิธีนี้จะช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และไล่ความชื้นออกจากคอยท์เย็น ซึ่งจะช่วยป้องกันความสะสมของเชื้อแบคทีเรียภายในได้ดี ทำแบบนี้บ่อยๆ แอร์รถของคุณจะไม่มีกลิ่นเหม็นอับแน่นอน จากนั้นเมื่อถึงที่หมายแล้วจึงค่อยปิดพัดลมก่อนดับเครื่องยนต์

เทคนิคข้อที่ 5.ไม่ควรใช้น้ำหอมชนิดที่มีแอลกออล์ มาเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะอาจทำให้ตู้แอร์ผุกร่อน เร็วขึ้นกว่าเดิมได้

เทคนิคข้อที่ 6ควรไล่ความร้อนออกก่อนสำหรับรถที่จอดตากแดดเอาไว้นานๆ หรือรถที่กำลังจำนำไปจอดตากแดดเอาไว้นานๆ ควรเปิดพัดลมเป่าจุดแรงที่สุดประมาณ 5 นาที โดยยังไม่เปิดสวิทซ์ เพื่อช่วยไล่ความร้อน และลดความชิ้นในระบบแอร์ได้  หลังจากนั้นจึงค่อยเปิดสวิทซ์ AC ทีหลัง

เทคนิคข้อที่ 7 ไม่ควรเปิดกระจกรถบ่อยๆ เพราะการเปิดกระจกรถบ่อยๆ  นอกจากนำความร้อนเข้ามาแล้วยังนำฝุ่นละอองจากภายนอก เข้ามาอุดตันในตู้แอร์มากขึ้นด้วย

เทคนิคข้อที่ 8 ถ้าแอร์ไม่เย็นอย่าฝืน เมื่อรู้สึกว่าไม่เย็นให้รีบปิดสวิทซ์ AC ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์เสียหาย จากนั้นจึงค่อยนำไปตรวจเช็คระบบแอร์โดยทันที

หมดปัญหาปัญหาแอร์ไม่เย็นที่แก้ไม่ตกเสียทีแล้วนะ ว่าทำไมแอร์ไม่เย็นเหมือนเวลาซื้อมาใหม่ๆ หรือเอาไปซ่อมแล้วก็ยังไม่เย็นเหมือนเดิม เพียงคุณทำตามเคล็ดลับทั้ง 8 ข้อที่แนะนำมาอย่างสม่ำเสมอ อาจต้องฝืนพฤติกรรมที่เคยทำมาจนเคยชินเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าและขับรถชิวไปไหนมาได้อย่างเย็นอกเย็นใจเหมือนเดิมได้แล้วนี่นะ

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook