3 วิธีการกำจัดปัญหารอยขีดข่วนกับสีรถยนต์ โดยที่ไม่ต้องง้อช่างที่อู่

3 วิธีการกำจัดปัญหารอยขีดข่วนกับสีรถยนต์ โดยที่ไม่ต้องง้อช่างที่อู่

รับประกันได้เลยว่าทุกคนที่มีรถยนต์ จะกังวลใจกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน นั่นก็คือปัญหารอยขีดข่วน ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิดแต่อย่างใด ปัญหานี้นั้นเราเชื่อได้เลยว่าทุกคนน่าจะกังวลใจไม่แพ้กัน และบางคนกำลังพบเจอปัญหานี้อยู่อย่างแน่นอน ซึ่งเรามีวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้แบบง่าย ๆ ที่คุณนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง วิธีการง่ายมาก แต่เราต้องบอกก่อนว่าวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการแบบ DIY ที่สามารถทำได้ที่บ้านเท่านั้นแต่ถ้าหากเป็นรอยที่มีร่องลึกจนต้อง ใช้สีเดิมในการเพิ่มเติมความสวยงามแล้ว เราก็เราขอแนะนำให้ไปพบช่างแต่ถ้าหากเป็นรอยขีดข่วนแบบปกติ คุณก็สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งวิธีการก็มีดังต่อไปนี้ 

1. วิธีการกำจัดรอยขีดข่วนบาง ๆ แบบขนแมวด้วยกระดาษทรายละเอียดแบบสุด ๆ 

สำหรับใครที่มีปัญหารอยขีดข่วนบาง ๆ แบบขนแมวที่ติดอยู่ตามกระโปรงรถ และบริเวณตัวถังของคุณแล้วก็ขอแนะนำวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถช่วยให้คุณนั้นประหยัดเงินหลักพันได้เลยทีเดียวด้วยกระดาษทรายเบอร์ 3,000 ให้คุณนั้นนำกระดาษทรายเบอร์นี้พร้อมกับน้ำเล็กน้อยให้คุณถูวนน้ำเบาๆในจุดที่มีปัญหา ซึ่งวิธีนี้จะสามารถทำให้คุณนั้นลบเลือนรอยขีดข่วนออกไปได้แบบง่าย ๆ และแน่นอนว่าเมื่อเสร็จแล้ว เราขอแนะนำให้คุณใช้สเปรย์เคลือบเงาหรือน้ำยาเคลือบเงา เพื่อเก็บงานจะสามารถช่วยให้คุณนั้นประหยัดเงินได้หลายพันเลยทีเดียว 

2. การแก้ไขปัญหารอยขีดข่วนของสีรถยนต์ ด้วยยาสีฟันใช้งานได้ผลจริง 

เคล็ดลับที่ได้ผลดีไม่แพ้กัน นั่นก็คือการใช้ยาสีฟัน 1 หลอดในการแก้ไขปัญหาเรื่องสีของรถยนต์ของคุณที่ไม่ได้มีร่องรอย จนถึงขั้นขูดกับตัวถังโลหะหรืออลูมิเนียม ขอแนะนำให้คุณนั้นใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของWhitening ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยให้รถยนต์ของคุณปรับสภาพสีกลับมาใกล้เคียงกับของเดิมได้อย่างรวดเร็ววิธีการทำ ก็มีขั้นตอนดังต่อไปนี้นั่นก็คือ 

การใช้ผ้า สะอาด 1 ผืนกับยาสีฟัน บีบจำนวนเท่าเม็ดถั่วในการวนตามจุดแต่ละจุด ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยให้ลบเลือนร่องรอยการขีดข่วนได้มากพอสมควร และแน่นอนว่านี่คือความมหัศจรรย์ของยาสีฟันอย่างแท้จริงซึ่งคุณนั้นสามารถทำตามได้เลยทันที 

3. น้ำยาขัดสีรถ ช่วยกำจัดร่องรอยหนักได้ 

สำหรับใครที่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน และมีสีที่แปลกปลอมนอกเหนือจากสีของรถคุณ คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาขัดสีรถเป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่ง ที่สามารถกำจัดสีรถของรถคันที่ชนคุณได้ ซึ่งจะสามารถกำจัดปัญหาเหล่านี้ออกได้แบบง่าย ๆ และรวดเร็ว วิธีการก็ใช้การทาน้ำยาเหล่านี้ลงไปแล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ วนกับน้ำเล็กน้อย ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถกำจัดสีรถของผู้ที่มาเฉี่ยวชนคุณได้ แน่นอนว่าถ้าหากแผลนั้นไม่ลึกมาก และไม่เข้าไปถึงสีผิวของเนื้อจริง คุณก็สามารถใช้วิธีการสอนวิธีขั้นตอนด้านบนได้เช่นเดียวกันซึ่งจะสามารถช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเดิม กับการดูแลรักษาสีรถยนต์ของคุณได้มากเลยทีเดียว 

สรุปความน่าสนใจโครงการดูแลสีรถยนต์ แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องเข้าอู่ 

สำหรับท่านใดที่กำลังคิดว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลรักษาสีรถอยู่ในปัจจุบัน คุณลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ดูรับรองได้เลยว่าคุณนั้นจะต้องประทับใจอย่างแน่นอนกับการช่วยดูแลสีรถที่ดี และประหยัดเงิน 

ขอขอบคุณภาพจาก   https://pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ไฟซีนอน…แฟชั่นแต่งรถมาพร้อมกับดาบสองคม

ไฟซีนอน...แฟชั่นแต่งรถมาพร้อมกับดาบสองคม

                เรื่องไฟหน้าและไฟท้ายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันมีผลต่อการขับขี่ในยามกลางวันและกลางคืนอย่างมาก รวมถึงการติดตั้งไฟสูงในกรณีที่ไม่มีรถยนต์สวนทางเข้ามาเพื่อส่องทาง แต่ในขณะเดียวกันการมองเรื่องการตกแต่งรถจึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลเป็นหลัก แต่จะว่าความชอบส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ จะต้องระมัดระวังการติดตั้งอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความรอบคอบ หรือการใช้ไฟที่เหมาะสมกับความจำเป็น การติดไฟซีนอนก็เช่นกัน อาจจะติดเพื่อความสวยงาม แสงสว่างตอบโจทย์กับการขับขี่ แต่ในขณะเดียวกัน แสงจากไฟซีนอนก็ทำให้จ้าจนเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน

                ไฟซีนอนส่วนมากติดทั้งไฟหน้าและไฟท้าย เพื่อการกระจายแสงเท่าๆ กัน รถยนต์ที่ติดไฟซีนอนมักจะเกิดดราม่าอยู่บ่อยครั้งในเรื่องความรำคาญขณะขับขี่รถยนต์ของเพื่อนร่วมทาง เนื่องจากไฟซีนอนพัฒนามาจากหลอดไฮโดรเจน เพื่อเพิ่มความสว่าง (แต่เป็นความสว่างเกินมาตรฐาน ถือว่าผิดกฎหมายของกรมการขนส่งทางบกอย่างมาก) จะเห็นได้จากรถยนต์ในปัจจุบันเริ่มซื้อไฟซีนอนมาติด พอติดตั้งแบบผิดระดับความสว่าง กลายเป็นไฟที่สว่างจ้าชนิดที่แยงตาคนจนเสียการควบคุมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุง่ายมากในตอนกลางคืน ในขณะเดียวกัน ติดตั้งผิดวิธีหรือติดตั้งตามใจฉัน (แต่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลย) ก็มีโอกาสเสียค่าปรับที่โรงพักหรือจุดตรวจได้มากเลยทีเดียว

หากเป็นไฟซีนอนที่ติดตั้งโดยวิศวกรของค่ายรถยนต์นั้นๆ โดยตรง เราไม่ต้องไปทำอะไรกับตรงนี้มาก เพราะเขาทดสอบระบบด้านความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง เซ็ตระบบไว้สำหรับความปลอดภัยในการขับขี่ และแสงสว่างที่เหมาะสมแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปติดตั้งเพิ่มหรือเปลี่ยนไฟเป็นแบบอื่นเลย เพราะการขับขี่ในแสงที่รบกวนสายตาคนขับรถมากเกินไป มันจะเป็นผลเสียต่อตนเองในภายหลัง อีกทั้งโอกาสที่ตัวเองหรือผู้ร่วมทางได้รับอุบัติเหตุแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์มีสูงมากเช่นกัน คล้ายๆ ก็ดาบสองคมดีๆ นั่นเอง

                การขับขี่รถยนต์ควรเคารพกฎกรมการขนส่งทางบกเป็นหลัก เพราะติดตั้งไปมีผลต่อกฎหมายมาก มักจะเกิดในกรณีที่ไปติดทีหลัง หลังจากที่ตนเองซื้อรถยนต์มาเป็นของตนเอง ข้อนี้ต้องระวังให้มากๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าไม่อยากให้ผิดกฎหมายจนต้องเสียค่าปรับทีหลัง ควรเป็นไฟต่ำ หรือโคมไฟแสงชนิดพุ่งต่ำ ซึ่งการติดตั้งไฟซีนอนนั้น ติดตั้งในแสงสว่างที่เหมาะสมในระยะ 30 เมตร และไฟสูงควรมองในระยะที่มองเห็นในระยะ 100 เมตร เพื่อไม่ให้จ้าจนทำลายสายตาขณะขับขี่ ทั้งนี้การขับขี่ในแต่ละครั้งควรนึกถึงใจเขาใจเรามากๆ อย่าสักแต่ว่าแต่งเพื่อเอาสวยแต่เดือดร้อนชาวบ้านเขาเลย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

เทคนิคการล้างรถให้สะอาดแบบไม่ต้องง้อร้าน ทำยังไง

เทคนิคการล้างรถให้สะอาดแบบไม่ต้องง้อร้าน ทำยังไง

การล้างรถเป็นกิจกรรมที่หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยหลงใหลกันสักเท่าไหร่ แต่จะให้ขยันเข้า car care ก็ไม่ไหวจ่าย วันนี้ก็เลยจะมาแชร์ขั้นตอนการล้างรถแบบไม่ยุ่งยาก แค่ 8 ขั้นตอนเท่านั้น อย่าปล่อยให้รถคันงามของคุณไม่น่ามองและดูเก่าในที่สุดกันนะ การล้างรถยนต์ ที่ถูกวิธี ควรทำอย่างไรบ้าง มาล้างรถ อย่างถูกวิธีกันเลยยยยย

ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับล้างรถยนต์

  1. ควรนำรถไปจอดในที่ร่ม ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะการล้างรถกลางแจ้ง จะทำให้ผิว รถยนต์ ของคุณร้อนและแห้งเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ ทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นไปอีกและเสียเวลา
  2. เตรียมอุปกรณ์ล้างรถ ให้พร้อม มีอะไรบ้าง?

-ใช้ถังน้ำ 2 ใบ สำหรับใส่น้ำยาล้างรถ และสำหรับซักผ้าหรือล้างฟองน้ำ

-ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถ ควรเตรียมไว้สัก 2 ผืน สำหรับล้างผิวรถยนต์กับสำหรับล้างล้อรถยนต์

-แปรงพลาสติกสำรหรับขัด ถ้ายางรถยนต์ของคุณสกปรกมาก ๆ ให้ใช้แปรงพลาสติกขัดทำความสะอาดได้

-ผ้าไมโครไฟเบอร์ ควรเตรียมไว้สักประมาณ 3 ผืน สำหรับใช้แต่ละส่วน แยกผ้าเช็ดผิวรถ ไม่ใช้ปนกับผ้าเช็ดล้อรถ เพราะถ้าใช้ผ้าเช็ดล้อแล้วมาเช็ดผิวรถ อาจจะทำให้เกิดรอยขนแมวที่ผิวรถยนต์ของคุณได้

  • ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่า ในปริมาณที่พอเหมาะ และเตรียมถังน้ำเปล่าสำหรับล้างฟองน้ำให้พร้อม

ขั้นตอนการล้างรถยนต์

  1. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรกก่อน

การฉีดน้ำก็เพื่อทำการขจัดคราบสกปรก ซึ่งจะช่วยให้ฝุ่นหรือสิ่งสปรกที่อยู่บนผิวรถยนต์ อ่อนตัวลง โดยฉีดน้ำทั้งคันไล่จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ

  • ทำการล้างส่วนล้อรถยนต์กันก่อน

ใครหลายๆ คน ส่วนใหญ่จะคิดว่าควรจะล้างที่ตัวรถก่อน แต่ล้อรถมักจะเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด เราจึงควรจะล้างส่วนล้อรถยนต์ให้สะอาดเสียก่อน เพื่อกำจัดที่สิ่งสกปรกออกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนส่วนผิวรถที่ทำความสะอาดแล้ว ที่สำคัญหากเราล้างล้อรถยนต์เป็นลำดับสุดท้าย ขณะที่กำลังล้างล้อรถยนต์ จะทำให้ผิวรถอาจจะแห้งเอง และจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถของคุณได้

3. เริ่มล้างรถจากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ

ก่อนจะเริ่มขัดผิวรถ ให้แช่ผ้าหรือฟองน้ำล้างรถในน้ำยาที่ผสมไว้แล้วก่อน แล้วค่อยนำมาขัดทำความสะอาดผิว ไม่ควรออกแรงขัดมากเกินไป เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้สีรถยนต์เสียหายได้

4. ล้างสิ่งสกปรกออกจากฟองน้ำ หรือผ้าที่ใช้ขณะล้างรถบ่อย ๆ

ผ้าล้างรถไมโครไฟเบอร์ เป็นที่นิยมมากกว่าฟองน้ำ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิด รอยขีดข่วน หรือ รอยขนแมวบนรถยนต์ ของคุณมีน้อยกว่า เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเศษฝุ่นเม็ดทรายเล็ก ๆ ติดอยู่ตามตามรูพรุนของฟองน้ำได้ แต่ถ้าใช้ฟองน้ำ คุณควรจะล้างทำความสะอาดฟองน้ำบ่อย ๆ

5. หลังจากล้างน้ำยาแต่ละส่วนเสร็จ ให้ฉีดน้ำล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด

ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้งบนผิวรถ เพราะถ้าปล่อยให้แห้งเองจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ ควรทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อล้างเสร็จทั้งคันแล้ว ให้ล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้ง

6. ควรให้รถเปียกทั้งคันขณะล้างรถ

ขณะที่ล้างควรให้ผิวรถยนต์ทั้งคันเปียกน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนผิวรถ

7. ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย

ควรใช้ ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถยนต์ แยกกันต่างหาก ไม่ใช้ปนกัน

8. เช็ดรถให้แห้งด้วย ผ้าไมโครไฟเบอร์

อย่ากลัวที่จะต้องใช้ผ้าหลายผืนในการเช็ดรถ เพราะถ้าแยกผ้าเช็ดหลายผืนโอกาสที่ผิวรถจะเกิดรอยขีดข่วนก็มีน้อย ควรเช็ดทุกผิวรถให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม และการเกิดคราบน้ำ เช็ดผิวโดยไล่จากด้านบนหลังคารถยนต์ลงมาด้านล่างรถยนต์ และเช็ดล้อเป็นลำดับสุดท้าย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธีแล้วจ้า

เพียงเท่านี้ รถแสนรัก คู่ใจของคุณ ก็จะกลับมาสะอาด น่าใช้งานเหมือนเดิม แต่ถ้าท่านไหนที่ยังพอมีเวลาก็อาจจะลงแว็กซ์เพิ่มได้นะเพิ่มนะ เพื่อเพิ่มความเงางาม ฉ่ำเป็นประกายดุจรถใหม่ และปกป้องสีผิวรถยนต์ คันโปรดจากมลภาวะบนท้องถนน

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

เปิดจุดเด่น Tesla Model Y รถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสุดหรู เวอร์ชั่นไทย

เปิดจุดเด่น Tesla Model Y รถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสุดหรู เวอร์ชั่นไทย

สำหรับ Tesla Model Y อีกหนึ่ง รถยนต์ไฟฟ้า แบบ SUV ที่เป็นรุ่นรองจาก Tesla Model X ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยตัวถังแบบ Crossover 5 ประตู และมีขนาดกะทัดรัดกว่ารุ่นพี่ ที่สำคัญเลยคือราคาถูกกว่าเป็นเท่าตัว ทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยราคาเริ่มต้นของ Tesla Model Y ในสหรัฐอเมริกา มีราคาถูกในระดับเดียวกับรถสุดหรูอย่าง Mercedes-Benz GLC Class และ BMW X3 Series เลยทีเดียว

ระบบ Autopilot ใน Tesla Model Y

• Navigate on Autopilot ระบบขับอัตโนมัติ

• Auto Lane Change ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ

• Auto park ระบบถอยจอดอัตโนมัติ

• Summon ระบบเรียกรถมาหา

• Full Self-Driving Computer ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับขับเคลื่อนอัตโนมัติ

• Traffic Light and Stop Sign Control ระบบหยุดรถตามสัญญาณจราจรอัตโนมัติ

จุดเด่นของ รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y

• ภายในยังคงความเป็นเอกลักษณ์สไตล์มินิมอล ทั้งยังโดดเด่นด้วยจอควบคุมขนาด 15 นิ้ว ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานของตัวรถทั้งหมดไว้ในหน้าจอเดียว

• พวงมาลัยมาพร้อมปุ่ม 2 ปุ่มเท่านั้น ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมรถแบบ Joy Stick และยังครอบคลุมการสั่งการทั้งหมดของตัวรถเป็นส่วนใหญ่ และใน Tesla Model Y จะไม่มีหน้าจอเรือนไมล์แสดงรายละเอียดให้ แต่ทั้งนี้สามารถทำการซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มได้

• บริเวณใต้หน้าจอ จะมีแท่นชาร์จสำหรับมือถือแบบไร้สายมาให้ถึง 2 ช่องด้วยกัน

• หลังคาแก้วเต็มรูปแบบ ทำให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขึ้น โปร่งโล่งสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีความแตกต่างจากตัว Model 3 ที่มีคานพาดผ่านตรงกลางมาให้ด้วย

• ตรงเบาะที่นั่งด้านหลัง มีที่วางแขนและช่องวางแก้ว และยังสามารถที่จะพับเบาะแบบเรียบๆ ได้

• ระบบเครื่องเสียงใช้ลำโพงทั้งหมด 14 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ และแอมพลิฟายเออร์ 2 ตัว ทำให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ได้อรรถรสมากขึ้น

• ระบบความบันเทิงแบบครบครัน ทั้ง Youtube, Netflix, Twitch, เกมและอื่นๆ อีกมากมาย

• โครงสร้างตัวถังของรถรุ่นนี้ถูกออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ มาให้สามารถกระจายแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี จึงสามารถการันตีความปลอดภัยได้ในระดับ 5 ดาว ด้วยมาตรฐานจากยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา

• บริเวณด้านหน้าของ รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบ ตามแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า และยังมาพร้อมไฟหน้าแบบ Matrix LED รูปแบบเต็มระบบ พร้อมกับไฟตัดหมอก

ราคา Tesla Model Y ทั้ง 3 รุ่นย่อย

• รุ่น Rear – Wheel Drive ราคาอยู่ที่ 1,959,000 บาท

• รุ่น Long Range AWD ราคาอยู่ที่ 2,259,000 บาท

• รุ่น Performance ราคาอยู่ที่ 2,509,000 บาท

และนี่ก็คือ จุดเด่นทั้งหมดของ Tesla Model Y รถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตูสุดหรู ในเวอร์ชั่นไทย ที่ถือว่าพรีเมี่ยมทั้งดีไซน์รูปลักษณ์ที่ดูหรูหราอลังการ และระบบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ตามมาตรฐานสากล แถมราคายังเข้าถึงได้ง่ายกว่ารุ่นก่อนๆ นี้เป็นเท่าตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่รถรุ่นนี้จะเป็นกระแสและได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

รูปภาพประกอบ : thairath.co.th

รูปภาพประกอบ : autospinn.com

รูปภาพประกอบ : krungsrimarket.cjdataservice.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

ที่ปัดน้ำฝนสำคัญมากกว่าที่คิด เคล็ดไม่ลับ เตรียมพร้อมในหน้าฝน 

ที่ปัดน้ำฝนสำคัญมากกว่าที่คิด เคล็ดไม่ลับ เตรียมพร้อมในหน้าฝน 

แน่นอนว่าในช่วงเวลาที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ในปัจจุบัน และหลายคนนั้นก็คงจะมีปัญหาเช่นเดียวกันในการขับรถซึ่งไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก โดยเฉพาะบนท้องถนนการจราจร และการมองเห็นระยะสายตานั้น บอกเลยว่าในช่วงเวลาฝนตกการมองเห็น และทัศนวิสัยในการขับรถของคุณนั้นจะแย่ลงหลายเท่าตัว ซึ่งคุณนั้นสามารถแก้ไขปัญหาการมองเห็นของคุณได้ด้วยอุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝนนั่นเอง แต่คุณทราบไหมว่าที่ปัดน้ำฝนนั้นควรจะเลือกในลักษณะใดถึงจะเหมาะกับรถยนต์ของคุณ ในบทความนี้เราจะมา อธิบายถึงวิธีการดูแลรักษา และวิธีการเตรียมพร้อมก่อนการใช้งานในหน้าฝน จะสามารถทำให้คุณนั้นเบาใจในการขับรถในช่วงหน้าฝนมากกว่าเดิมเลยทีเดียว

1. ควรสังเกตเนื้อยางที่ปัดน้ำฝนว่าแข็งเกินไปหรือเปล่า มีรอยฉีกขาดหรือไม่ 

สำหรับการใช้งานระยะยาวเกี่ยวกับที่ปัดน้ำฝนในปัจจุบันของใครหลาย ๆ คน คุณก็คงจะประสบปัญหาเหล่านี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ สภาพยาง และอุปกรณ์ปัดน้ำฝนที่ไม่สมบูรณ์มีรอยฉีกขาดอยู่ตามจุดต่าง ๆ ขอแนะนำให้คุณนั้นพยายามเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนใหม่ก่อนที่จะเข้าฤดูช่วงหน้าฝน จะทำให้คุณนั้นขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และทัศนวิสัยในการมองเห็นของคุณจะดีมากยิ่งขึ้น 100% 

2. ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนที่เหมาะสมกับรถของคุณ และกวาดน้ำบนกระจกได้สะอาด 

แน่นอนว่าถ้าหากคุณไม่ใช่คนขับรถใช้งานแบบมือโปร คุณก็คงจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ที่ปัดน้ำฝนแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้นจะถูกออกแบบมาเฉพาะกับรถบางประเภทเท่านั้น โดยเฉพาะรถเก๋งกับรถกระบะรวมไปถึงรถขนส่ง ก็เช่นเดียวกัน คุณควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับใบปัดน้ำฝนที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ หลังจากนั้นคุณก็ควรจะเลือกขนาดที่เหมาะสมกับหน้ากระจก ซึ่งจะสามารถช่วยทำให้กระจกรถยนต์ของคุณนั้นสะอาด และปัดน้ำออกจากกระจกได้ดีมากยิ่งขึ้น 

3. คุณควรจะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน ทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหารอยขีดข่วน บนกระจก 

มาถึงข้อนี้หลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไมเราจะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทุก 6 เดือนด้วยเพราะอะไร ทั้งนี้ก็ไม่ได้ใช้งานแต่อย่างใด และทำไมต้องซื้อใหม่ทุก 6 เดือน ต้องขอบอกเลยว่า ถึงจะไม่ได้ใช้งานแสงแดดก็สามารถทำให้ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้เช่นเดียวกัน ซึ่งยางปัดน้ำฝนนั้นจะเสื่อมสภาพด้วยความร้อนได้ง่ายมากกว่าการใช้ปัดน้ำฝนเสียอีก เพราะฉะนั้นแล้วคุณควรจะเปลี่ยนทุก 6 เดือนเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนกระจกรถยนต์ของคุณ บอกเลยว่าวิธีนี้ทำให้กระจกรถยนต์ของคุณนั้นไม่มัว ไม่มีรอยขีดข่วน และยังปัดน้ำฝนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

สรุป

การตรวจสอบสภาพที่ปัดน้ำฝน และการดูแลความปลอดภัยทางด้านทัศนวิสัยเกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์ในช่วงหน้าฝนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอสมควร สำหรับคนที่ขับรถเป็นประจำ เพราะฉะนั้นแล้วคุณอย่าลืมมันใส่ใจการดูแลที่ปัดน้ำฝน จะช่วยทำให้คุณนั้นขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน 

ขอขอบคุณภาพประกอบโดย  https://pixabay.com

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

การเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับ “รถยนต์มือสอง” ดูได้ตรงไหน

การเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับ “รถยนต์มือสอง” ดูได้ตรงไหน

             

   เมื่อพูดถึงการซื้อรถใหม่ เราอาจจะต้องการทั้งรถมือสองที่มีในโชว์รูมรถยนต์ แม้กระทั่งจากการซื้อรถยนต์มือสองสักคันมาใช้สอยตามอัธยาศัย แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือต้องทราบขนาดเครื่องยนต์ในรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่โฆษณาด้วยเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างขนาดเครื่องยนต์ต่างๆ จะช่วยให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ชัดเจน และวิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือการตรวจสอบความจุ CC ของรถ และสภาพเครื่องยนต์เพื่อควบคู่กับการตัดสินใจ

                การตัดสินใจเลือกขนาดเครื่องยนต์สำหรับรถของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วสิ่งนี้จะส่งผลต่อกระเป๋าเงินโดยตรงของคุณและความถี่ในการขับขี่ หากคุณต้องการรถเพื่อเดินทางไปในที่ห่างไกล เช่น ที่ทำงาน โรงเรียน หรือกิจกรรมปกติอื่นๆ บ่อยครั้ง การเลือกรถที่จะไม่ทำให้คุณเครียดมากนักในแง่ของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อลดความหงุดหงิดใจและความหัวร้อนเช่นกัน มีทริคแนะนำในการเลือกได้ดังนี้

  • ยานพาหนะเช่นรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดกะทัดรัดนั้นดีมากในแง่ของประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ในขณะที่รถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง SUV มักจะกินน้ำมันในอัตราที่สูงกว่า เนื่องจากเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในรถ SUV นั้นมีไว้เพื่อผลิตพลังงานมากขึ้นดังนั้น CC จึงสูงกว่า อย่างไรก็ตาม การผลิตรถยนต์กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ไฮบริดและครอสโอเวอร์ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารุ่นก่อนๆ มากเลยทีเดียว
  • ผู้ขับขี่ที่มักจะเดินทางผ่านเมืองมักมีอันตรายและเกณฑ์ต่างๆ มากมายที่ต้องรับมือ นอกเหนือจากราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณมีเงินในกระเป๋าน้อยลงและมีช่องว่างทางการเงินที่ต้องเติมให้เต็ม การเป็นเจ้าของรถยนต์ที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่ก็มีข้อดี เช่น พื้นที่เพิ่มเติมและกำลังที่มากกว่า ซึ่งคุณสามารถรับได้ไหม? อันนี้ต้องคิดอย่างหนัก

นี่เองเป็นเพียงสิทธิส่วนบุคคลที่จะดูตัวเลือกในการประหยัดเงินด้วยการซื้อรถที่คุณสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น แต่ในบางกรณี รถที่ใหญ่กว่าที่มีอัตราการสิ้นเปลืองที่สูงกว่าอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของคุณ เช่น กรณีมีครอบครัวหรือผู้พักอาศัยมากกว่า 3 คนขึ้นไป จะต้องใช้พวกครอสโอเวอร์หรือ SUV ขนาดย่อมไปจนขนาดกลาง

                จะสรุปได้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกขนาดและประเภทของรถที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือเริ่มจากความจุของเครื่องยนต์ก่อน ต้องระบุในที่นี้ด้วยว่าเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าและเบากว่านั้นถูกกว่าในการบำรุงรักษา เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าและหนักกว่า ด้วยยานพาหนะประเภทต่างๆ มากมายให้เลือก การใช้เวลาของคุณและค้นหาสิ่งที่คุณต้องการในรถก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้ายจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ให้รู้สึกว่า “ใช่” และ “คุ้มค่า” ที่สุด

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเคลือบแก้วสีรถยนต์

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเคลือบแก้วสีรถยนต์

หลายคนที่ซื้อรถมา ก็มีความต้องการให้สีรถดูใหม่ สะอาด เงางามอยู่เสมอ ปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาช่วยดูแลรถมากมายตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบ การแว๊ก หรือการขัดเงา ก็มีมาให้เลือกสรรมากมาย แต่เราก็ควรทราบรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนจะใช้งาน อย่างการเคลือบแก้วสีรถยนต์ ที่เราก็ควรต้องทราบก่อนว่ามันคืออะไร เพื่อจะได้รู้ว่ามันเหมาะสมกับเราไหม คุณสมบัติเคลือบแก้ว
              
โดยการเคลือบแก้วนั้นจะใช้สารตัวเดียวกับที่ผลิตแก้วน้ำ ที่มีชื่อเรียกว่า ซิลิก้า โดยสารตัวนี้จะทำการเคลือบพื้นผิวรถ ซึ่งจะมีการเคลือบตัวแลคเกอร์ก่อน ซึ่งสารตัวนี้จะมีความแข็งแรงสูง เพราะมีความหนาได้สูงสุดถึง 9H ทั้งยังเป็นสารที่ทำให้เกิดความเงา ทำให้รถไม่ดูเก่า   


         เคลือบแก้ว หรือ Glass Coating คือการที่เรานำน้ำยาสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) มาเคลือบที่ผิวรถเพื่อทำการปกป้องผิวรถของเรา โดยระดับความหนาของชั้นเคลือบ มีตั้งแต่ 1-9 H ซึ่ง 9H คือสูงสุด โดยที่การเคลือบแก้วนั้นจะมีการเคลือบแลคเกอร์ก่อน และตามด้วยสารเคลือบแก้ว นี้จะทำให้ผิวรถเราเป็นประกายเงางามและยังเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นนึงของแล็คเกอร์และสีของรถยนต์เรา รวมทั้งยังสามารถทนรอยขีดข่วนในระดับบางๆได้อีกด้วย

สิ่งที่ได้จากการเคลือบแก้ว
              
ให้มีความเงา ช่วยป้องสีของรถ จะมีความคงทนกว่าเคลือบสี ช่วยให้รถเงาตลอด ใสตลอด เป็นรอยยาก เปื้อนยาก ล้างง่าย          รวมไปถึงการทนทานในความเป็นกรดและด่าง ที่จะเกิดกับสีรถยนต์ของคุณ เรียกได้ว่าเป็นข้อดีมากสำหรับการปกป้องรถยนต์ของคุณ ทั้งรถยนต์ใหม่ ทั้งรถยนต์ที่คุณรักนั่นเอง

ความคงทนของเคลือบแก้ว               ทำ จะต่างกับเคลือบสีรถที่มีระยะเวลาการใช้งานได้ 1-2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน แก้ว ระยะเวลาการใช้งานได้ 1-5 ปี ทั้งนี้ไม่ว่าสีหรืแก้วระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อน้ำยา การเคลือบ การใช้งานรถยนต์ของคุณในแต่ละวัน ซึ่งวันและเวลาก็จะอยู่ที่การสึกหรอของรถยนต์ด้วย
 

         ทั้งนี้ไม่ว่าจะเคลือบแบบไหนก็ดีหมด เพราะเป็นการช่วยดูแลรักษาสีรถของเราให้ใหม่เอี่ยมอยู่ตลอด แต่จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความพึงพอใจของแต่ละคน ไม่ว่าจะงบประมาณ ความถี่ในที่ต้องการเคลือบ หรือปัจจัยอื่นๆ โดยสิ่งที่สำคัญควรเลือกแบรนด์เคลือบและร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่นิยมอย่างมาก  เพื่อความมั่นใจว่ารถเราจะออกมาดี และมีคุณภาพ ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.poshupcar.com/

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

ยางรถยนต์ ยอดนิยม 10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี  ตอนที่ 2

ยางรถยนต์ ยอดนิยม 10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี  ตอนที่ 2

       ติดตามลำดับยางยอดนิยมลำดับที่ 6-10 ไปแล้ว บทความนี้มาติดตามอับดับยางยอดนิยมว่าจะเป็นแบรนด์ไหน ผลิตจากประเทศอะไร ในลำดับที่ 1- 5 กันต่อ

       อันดับที่ 5 DUNLOP ยางรถยนต์สัญชาติอังกฤษ เป็นแบรนด์ที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเน้นตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป มุ่งเน้นการใช้งานเพื่อการบรรทุก มีความโดดเด่นด้วยราคา พร้อมการใช้งานที่คุ้มค่า เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหายางเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมุ่งความคุ้มค่าในการซื้อใช้

       อันดับที่ 4  MAXXIS เป็นยางรถยนต์สัญชาติไต้หวัน เป็นอันดับต้นๆในการผลิตรองรับลูกค้าถึง 180 ประเทศทั่วโลก โดยเริ่มต้นมาจากการผลืตยางจักรยานจากประเทศไต้หวัน มีรางวัล และการยืนยันคุณภาพ และสมรรถนะมากมาย เป็นยางที่โดเด่นในตลาดเมืองไทยด้วยคุณสมบัติที่ทนทาน และคุ้มค่ากับราคา  ราคาถูกและ อึด ทึกทนที่สุดก็ต้อง MAXXIS

อันดับที่ 3 YOKOHAMA แบรนด์ระดับ TOP ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยประสบการณ์การผลิตยางรถยนต์มากกว่า 100 ปี และเป็นแบรนด์ยางที่เป็นผู้นำในประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยทำการผลิตยางผ้าใบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น และจำหน่ายยางรถยนต์โยไม่มียางในเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานจึงเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

          อันดับ 2 BRIDGESTONE เป็นอีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น ที่ครองใจและเชื่อมั่นของผู้ใช้รถในประเทศไทยอย่างมาก และเป็นอีกแบรนด์ที่มีประสบการณ์การพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์มูล่า 1 ฟอร์มูล่า 2 ฟอร์มูล่า 3 เป็นต้น พร้อมทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนเรื่องการพัฒนายางเพื่อการแข่งทั้งในสนามและนอกสนาม ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันระดับโลกที่ดุเดือดจนทุกคนต้องจับตามอง BRIDGESTONE โดดเด่นด้วยราคาและคุณภาพ และสมรรถนะที่เข้าใจการใช้งานของรถยนต์

          อันดับ 1  MICHELIN ยางรถยนต์ที่โดดเด่นจากประเทศฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่ได้รับการยืนยันจากสนามแข่งขันหลากหลายสนามทั่วโลกที่เป็นบทพิสูจน์อย่างดีของความทนทาน และการดังสมรรถนะถึงขีดสุดของยาง เรียกได้ว่าได้เก็บประสบการณ์ต่างๆจากการแข่งขันทุกสนามแข่งและหลากหลายพื้นผิวมาพัฒนายาง ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นด้านสมรรถนะอย่างไม่ต้องสงสัยหรือลังเลใจมาตลอด

          และทั้งหมดนั้นคือแบรนด์ยางรถยนต์ที่มีผู้ผลิตจากประเทศต่างๆ 10 อันดับที่ได้รับความนิยมในประเทศเรา ได้รู้จักกับประสบการณ์ในการพัฒนาของยางแต่ละยี่ห้อแล้ว คงจะทำให้คุณมีข้อมูลในการพิจารณาตัดสินใจเลือกเพื่อเปลี่ยนให้กับรถของคุณอย่างไม่ต้องลังเล และที่ทางเราไม่ได้นำราคาของยางแต่ละแบรนด์มาลงให้นั้นเพราะราคาอาจมีการขึ้นลง หรือมีโปรโมชั่นให้คุณได้เลือกใช้ตามงบประมาณในกระเป๋าได้อย่างสบายใจ ขอให้ได้ยางที่ถูกใจและคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปเพื่การขับขี่ที่ปลอดภัย

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ 
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

4 เคล็ดลับสีสันรถยนต์ผ่องใสไร้ความหม่นหมอง แบบ LONG TIME

สำหรับผู้ที่รักรถยนต์แล้วละก็ต้องรู้อย่างพลาดไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับทุกคน เพราะวันนี้จะเป็นเคล็ดลับในการถนอม และดูแลสีสันรถยนต์อันเป็นที่รักของคุณให้แลดูสดสวยตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นการชะลอความหม่นหมอง ที่เกิดขึ้นตามสภาพอากาศ และกาลเวลา เมื่อคุณดูแลรักษาได้ไม่ดีพอ สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ในสีสัน ที่สดใสบาดใจต้องเชิญทางนี้เลย

1. เมื่อเกิด ความสกปรก อย่าปล่อยให้เวลายืดเยื้อเกินเลยจนเกินไป

เรื่องดังกล่าวนี้จะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะทุกท่านเชื่อไหมว่าฝุ่น หรือโคลนตลอดจน คราบต่าง ๆ ที่มีมาติดบนรถของคุณนั้น สิ่งเหล่านี้จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ง่ายเป็นที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาแลคเกอร์ของรถยนต์ที่เคลือบในสีรอบคันค่อย ๆ เกิดการเสื่อมสภาพ ขาดความมันวาว

 โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ถ้าหากจะทำความสะอาดคราบติดแน่นที่มีอยู่ ก็ควรที่จะใช้ ผ้าชุบน้ำเช็ดด้วยความระมัดระวัง ในกรณีที่คุณไม่มีเวลาว่าง ทำความสะอาดเป็นประจำนั่นเอง

2. ต้องมีร่ม เงาให้รถเราอยู่

สำหรับเมืองไทยแล้ว ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าที่นี่เป็นเมืองร้อน ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่คล้ายกับทะเลทรายก็ตามที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการทำลายความสดใสแห่งสีสันรถยนต์ของเรา ให้มีความซีด หมองหม่นไปได้อย่างรวดเร็วระดับหนึ่งเลยล่ะ โดยถ้าหากว่าเป็นรถที่มีการจอดไว้ กลางแจ้ง ตลอดวันตลอดคืนเป็นประจำ ปรากฏการณ์น้ำค้างเป็นพิษ ก็จะสามารถทำให้เป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นต้นตอปัญหาของการเกิดสีซีดด่าง ดังนั้น ถ้าจะให้ดีควรจะมีที่จอดรถ หรือร่มเงาให้รถของเรานั้นมีความสวยงาม สีสันสด ๆ ยาวๆ ไป

3. ดูแลรักษาอย่างดี โดยล้างอย่างพอประมาณ

เพราะในบางครั้งเราไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าคาร์แคร์ หรือสถานที่ที่เรานำรถไปล้าง ตลอดจนน้ำยาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จะมีความเป็นกรด หรือด่างมากเพียงใด และนี่ก็อาจจะเป็นปัญหาหลักที่ทำให้รถของคุณนั้นขาดความเงางาม และถ้าร้ายไปกว่านั้นความสดใสของสีก็อาจจะจางหายไปในเร็ววันอีกด้วย ดังนั้นถ้าจะล้างก็ขอให้ทิ้งระยะ เพราะถ้าความสกปรกมีไม่มาก แค่การปัดฝุ่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

4. ปกป้องด้วยการเคลือบสี เพื่อให้ความสวย อยู่คงทน

สำหรับขั้นตอนนี้นับว่าเป็นพระเอกของท้องเรื่อง เพราะว่าถ้าคุณอยากจะดูแล สีสันของรถคู่ใจให้คงอยู่ไปนาน ๆ  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่จะต้องเปลี่ยนสีใหม่ หรืออีกหลายปัญหาก็ตามแต่ การเคลือบสีให้เงางาม นั้นต้องเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพื่อเป้าหมายของความงดงามสวยสดนั้นคงทน ยาวนานขึ้นเป็นยิ่งนัก ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเผลอหลงรัก รถเราด้วยเป็นแน่แท้

 สรุป

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของสีรถยนต์ และมีความต้องการความคงทนถาวรของสีให้อยู่ยาว ๆ ไป ขั้นตอนนี้ก็เป็นวิธีการที่จะทำให้รถที่คุณรัก นั้นมีสีสันสดสวยอยู่กับคุณเสมอยาวแบบ ยาว ๆ  โดยไม่จำเป็นที่จะต้อง ดูแลในขั้นตอนที่ซับซ้อนยากเย็นแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ นี้คุณสามารถดูแลได้ด้วยมือคุณเองอีกด้วย ในขั้นตอนง่าย ๆ กับประโยชน์อนันต์ ลองเลยแล้วคุณจะรู้

ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ให้ดำเงาวับ ด้วยตัวเองง่ายๆ

วิธีทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ให้ดำเงาวับ ด้วยตัวเองง่ายๆ

         สาระเรื่องรถครั้งนี้ นำเอาสูตรประหยัดในการทำน้ำยาเช็คยางรถยนต์มาฝากกัน โดยสูตรนี้สามารถนำของใช้ที่มีอยู่แล้วในทุกๆบ้านมาทำกัน เพื่อนำไปเช็ดยางรถยนต์ของคุณให้ดำเงาวับจับตาดูดีอยู่เสมอ  สูตรนี้ มีส่วนผสมที่จะทำน้ำยากันอย่างไร และทำแล้วจะได้ยางรถยนต์เงาสวยงามอย่างที่คุยหรือเปล่า? เราไปลงมือทำกันดูเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพกันเลย

         ส่วนผสมและอุปกรณ์

         1.น้ำตาลทรายครึ่งแก้ว

          2.น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไรก็ได้

          3.น้ำเปล่า

          4.ขวดพลาสติกใสที่มีหัวฉีด

          5.กรรไกร

          6.ผ้าเทปกาวหนังไก่

          7.ฟองน้ำ

         วิธีทำ

         1.เทน้ำตาลครึ่งแก้วลงในขวดหัวฉีดที่เตรียมไว้ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าลงไปในขวดโดยให้ท่วมน้ำตาลขึ้นมาประมาณ 4 นิ้ว

          2.เติมน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปให้สูงกว่าน้ำขึ้นมาอีกประมาณ 4 นิ้วเช่นกัน

          3.จากนั้นเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันให้มากที่สุด สูตรนี้จะไม่มีฟองมาก ไม่เหมือนใส่น้ำโค้ก เพราะใส่น้ำตาลแทนจึงไม่มีแรงดันของน้ำอัดลม

          4ปิดฝาขวด.เขย่าจนน้ำตาลละลายหมดไม่เหลือเป็นเม็ดๆ เมื่อน้ำตาลละลายจนหมดแล้วนำหัวฉีดมาใส่ขวดน้ำยาที่ผสม เพื่อพร้อมฉีด

          5.ตัดเทปหนังไก่มาติดแบ่งครึ่งหล่อยางรถยนต์ที่จะทำการทดลอง จากนั้นนำน้ำยาที่มีหัวฉีดแล้วฉีดใส่ฟองน้ำ แล้วจึงนำไปเช็ดที่ยางรถยนต์ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทำแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฉีดน้ำยาพลาดไปถูกจานดิสเบรคที่จะทำให้เกิดเขม่า เมื่อเช็ดน้ำยาจากฟองน้ำในฝั่งที่ทดสอบจนทั่วแล้ว ทิ้งไว้สักพักให้แห้ง เพื่อดูประสิทธิภาพความดำเงาที่ซึมสู่เนื้อยางรถยนต์ ซึ่งก็จะเห็นได้ชัดเจนถ้าเปรียบเทียบกับยางรถยนต์ที่ยังไม่ได้เช็ดน้ำยา

          สูตรน้ำยาเช็ดยางรถยนต์สูตรนี้ไม่ต้องเช็ดมากก็เงาวับ เพราะเป็นสูตรเข้มข้น เช็ดแล้วจะเงาวับอยู่ได้ 2-3 วัน หรือนานกว่านั้นถ้าไม่ไปโดนน้ำฝน หรือโดนน้ำเสียก่อน ประหยัดเพราะใช้ของที่มีอยู่แล้วในบ้านเราเอง 

         เพราะรถก็เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการช่วยเสริมบุคลิกภาพภาพนอกของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเวลาที่จ้องนำรถไปใช้งานที่ต้องพบปะคนจำนวนมาก ถ้าตัวรถสะอาด แต่ยางรุยนต์ไม่เงาดำสวยงามก็เหมือนคนแต่งตัวดีแต่สวมรองเท้าไม่สวยงามฉันท์ใดฉันนั้น

         บางครั้งของที่ทำใช้ได้เองต้นทุนถูก ก็ไม่ได้ประสิทธิภาพต่ำเสมอไป ยุคนี้อะไรแระหยัดได้ประหยัด  ถูกและดีก็มีจริงในบางเรื่องจริงๆนะ ลองลงมือทำและใช้จริงกันเลย รับรองไม่ผิดหวัง

ติดตามบทความเรื่องรถได้ที่ รวมเรื่องรถ
เวปไซด์ automotive-story.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook